CGSI คงน้ำหนักลงทุน “กลุ่มค้าปลีก” ชี้ไตรมาส 3 ซบเซา ก่อนฟื้นตัวชัด Q4

CGSI ประเมินผลประกอบการกลุ่มค้าปลีกไตรมาส 3/68 ยังเผชิญแรงกดดันจากกำลังซื้อและท่องเที่ยวซบเซา คาดเริ่มฟื้นไตรมาส 4 หากดอกเบี้ยลด หนุนความเชื่อมั่นผู้บริโภค


ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI เปิดเผยในบทวิเคราะห์ว่า กลุ่มค้าปลีกไทยยังเผชิญภาวะกดดันในไตรมาส 3/2568 โดยผลประกอบการรวมของผู้ค้าปลีก 8 บริษัท ได้แก่ BJC, CPALL, CPAXT, CRC, DOHOME, GLOBAL, HMPRO และ MOSHI ในไตรมาส 2/2568 มีกำไรสุทธิรวม 13,400 ล้านบาท ลดลง 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน (yoy) และลดลง 18% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (qoq) ถือเป็นการปรับตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ครั้งแรกนับตั้งแต่การฟื้นตัวหลังโควิด-19 สาเหตุหลักมาจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงและรายได้จากนักท่องเที่ยวที่หดตัว ส่งผลให้ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของเกือบทุกบริษัทติดลบ

ในกลุ่ม Home improvement กำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ลดลงเฉลี่ย 19.5% yoy โดย GLOBAL มีกำไรลดลงมากที่สุด 32% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ DOHOME ลดลง 18% และ HMPRO ลดลง 14% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากยอดขายชะลอตามตลาดอสังหาฯ และขาดแรงหนุนจากการขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่ CRC กลุ่มแฟชั่นในไทยมียอดขายสาขาเดิม ติดลบ 4% จากกำลังซื้อภายในประเทศที่ซบเซาและนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายลดลง ต่างจาก MOSHI ที่ทำ SSSG บวก 15.2% และมีกำไรเติบโตสูงถึง 65% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากกลยุทธ์การตั้งราคาเข้าถึงง่าย การปรับปรุง Visual merchandising และการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

ด้านกลุ่มค้าปลีกอุปโภคบริโภค ยกเว้น Makro ที่ยอดขายสาขาเดิม ทรงตัวจากยอดขายออนไลน์ที่เติบโต 22% เมื่อเทียบกับปีก่อน ผู้ประกอบการรายอื่นมียอดขายสาขาเดิม ติดลบในช่วง -0.8% ถึง -3.2% โดย CPALL และ CPAXT ยังคงรักษาการเติบโตของกำไรสุทธิได้ 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามลำดับ จากการเพิ่ม margin และการควบคุมค่าใช้จ่าย ขณะที่ BJC มีกำไรลดลง 19% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากยอดขาย BigC และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ชะลอตัว

โดย CGSI ประเมินว่าแรงกดดันของยอดขายสาขาเดิมที่ติดลบในกลุ่ม Home improvement เริ่มผ่อนคลายลงในไตรมาส 3/2568 เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ส่วนใหญ่เป็นผลจากฐานที่ต่ำมากกว่าการฟื้นตัวที่แท้จริง อีกทั้งไตรมาส 3 มักเป็นช่วงที่ยอดขายอ่อนตัวตามฤดูกาล การฟื้นตัวที่ชัดเจนคาดว่าจะเห็นได้ในไตรมาส 4/2568 หากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายส่งผลบวกต่อกำลังซื้อ

ทั้งนี้ CGSI เริ่มมองเชิงบวกต่อผู้ค้าปลีกสินค้าฟุ่มเฟือย หลังธนาคารพาณิชย์ทยอยปรับลดดอกเบี้ย MRR แต่ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงถึง 87.4% ของ GDP ยังเป็นข้อจำกัดสำคัญ โดย CPALL ยังคงเป็นหุ้น Top pick จากการเติบโตที่สม่ำเสมอและ margin ทรงตัว ส่วน MOSHI ยังคงแข็งแกร่งแต่ฐานที่สูงในไตรมาส 4/2567 อาจกดดันโมเมนตัมการเติบโตระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม CGSI แนะนำ “คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral)” ต่อกลุ่มค้าปลีกไทย เนื่องจากยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนของอุปสงค์ ขณะที่ปัจจัยลบจากเศรษฐกิจมหภาคยังมีน้ำหนักกว่าผลดีจากนโยบายการเงินผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม หากการบริโภคภายในประเทศและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัวเร็วกว่าคาด อาจเป็น upside risk ต่อกลุ่มนี้ ขณะเดียวกัน downside risk คือการบริโภคที่ซบเซาต่อเนื่องและแรงกดดันด้าน margin จากการแข่งขันสูง

Back to top button