BEM ครึ่งปีหลังโตดี รับท่องเที่ยวฟื้น–นโยบาย 20 บาทหนุน ลุยโครงการสายสีส้ม–Double Deck

BEM มั่นใจครึ่งปีหลัง 68 โตดี รับแรงหนุนท่องเที่ยวฟื้น–เปิด Central Park หนุนผู้โดยสารเพิ่ม พร้อมรองรับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท คาดดันผู้โดยสารพุ่ง 20–30% จากปกติ 5–7% ต่อปี ลุยจัดซื้อรถไฟฟ้าสีน้ำเงินใหม่ 21 ขบวน เสริมศักยภาพให้บริการ เดินหน้าโครงการสายสีส้ม–สีม่วงใต้–ทางด่วน Double Deck หนุนการเติบโตยั่งยืน


นายธนาวัฒน์ วรรณดิษฐ์ ผู้จัดการส่วน ส่วนนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทในงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2568 ว่า ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 4,371 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนธุรกิจทางด่วนมีสัดส่วน 48% ,ธุรกิจรถไฟฟ้ามีสัดส่วน 37%,ธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์มีสัดส่วน 7% และรายได้อื่น ๆ 8% โดยส่วนใหญ่เป็นเงินปันผลจาก TTW (โดยบริษัทถือหุ้น 18.47%) และ CKP (โดยบริษัทถือหุ้น 16.82%) โดยรายได้เงินปันผลจากทั้งสองบริษัทรวมอยู่ที่ 337 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 993 ล้านบาท ลดลง 1% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ทั้งนี้ผลการดำเนินงานแยกตามรายธุรกิจมีดังนี้ ธุรกิจทางพิเศษมีรายได้ 2,084 ล้านบาท ลดลง 1% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยปริมาณจราจรเฉลี่ยลดลง 1.5% และรายได้ค่าผ่านทางเฉลี่ยอยู่ที่ 24.8 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งลดลง 1.5% ตามปริมาณจราจรที่ลดลงสาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของปริมาณจราจร เนื่องจากผลกระทบต่อเนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและงานคานสะพานงานก่อสร้างถล่ม ที่ทำให้ต้องปิดด่านชั่วคราวและมีการหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางในช่วงต้นไตรมาสและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง

สำหรับแนวโน้มในครึ่งปีหลัง 2568 คาดว่าจะมีปัจจัยบวกจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวในเดือนสิงหาคม และ การเปิดศูนย์การค้า Central Park ของโครงการดุสิต เซ็นทรัลพาร์ค (ใกล้ MRT สีลม) ในต้นเดือนหน้า(ก.ย.68) จะช่วยส่งเสริมปริมาณผู้โดยสาร และการจัดงานกิจกรรมต่างๆ ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เช่น งานหนังสือและงานกาชาดในช่วงปลายปีก็จะช่วยส่งเสริมปริมาณผู้โดยสาร

สำหรับความคืบหน้าโครงการสำคัญ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ได้รับสัมปทาน 30 ปี โดยสายฝั่งตะวันตกงานโยธาคืบหน้า 15% และงานระบบเดินรถคืบหน้า 6% ส่วนสายฝั่งตะวันออกภาครัฐก่อสร้างโยธาเสร็จแล้ว 100% ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินงานระบบเดินรถโดยบริษัทได้สั่งซื้อขบวนรถไฟฟ้าเพิ่ม 32 ขบวน คาดว่าจะได้รับมอบครึ่งหนึ่งก่อนเพื่อนำมาทดสอบระบบ คาดเปิดทดลองปลายปี 2570 และเปิดเชิงพาณิชย์ต้นปี 2571

ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ อยู่ระหว่างการหารือกับภาครัฐ เพื่อเชื่อมต่อการเดินรถเป็นเส้นเดียว คาดว่าจะทราบผลในปี 2569

ด้านทางด่วน Double Deck (ชั้นที่ 2) ได้เจรจากับภาครัฐเสร็จสิ้นแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยกระทรวงคมนาคม โดยโครงการจะวิ่งจากงามวงศ์วานถึงพระรามเก้า เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดในปัจจุบัน คาดว่าจะนำไปสู่การเจรจาต่ออายุสัมปทานทางด่วนเดิม ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นคงในระยะยาว นอกจากนี้โครงการทางหลวงพิเศษ (Motorway) บริษัทแสดงความสนใจบางเส้นทางที่มีศักยภาพสูง และอยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มเติม

ขณะ BEM ยืนยันพร้อมสนับสนุนนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของภาครัฐ โดยเน้นว่าจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการและผู้ถือหุ้นของบริษัท ซึ่งหมายถึงการที่ภาครัฐจะต้องมีมาตรการชดเชยค่าใช้จ่ายคืนให้ผู้ประกอบการ

บริษัทเชื่อว่านโยบายดังกล่าวจะช่วยดึงดูดผู้โดยสารเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยใช้บริการขนส่งสาธารณะประเภทอื่น เช่น รถโดยสารประจำทางหรือรถตู้ อาจหันมาใช้บริการรถไฟฟ้า เนื่องจากราคาค่าโดยสารใกล้เคียงกันแต่ให้ความสะดวกและรวดเร็วมากกว่า

โดยคาดจำนวนผู้โดยสารมีแนวโน้มเติบโตสูงกว่าระดับปกติที่ 5-7% ต่อปี โดยภาครัฐประเมินว่าจำนวนผู้โดยสารอาจเพิ่มขึ้นถึง 20-30% ภายหลังนโยบายมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตของ BEM ในระยะถัดไป

ทั้งนี้ BEM เชื่อมั่นว่าบริษัทมีโอกาสการเติบโตทั้งในธุรกิจทางด่วนและรถไฟฟ้า จากความเชี่ยวชาญในการบริหารสัมปทานโดยปัจจุบันบริษัทยังมีสัมปทานทางด่วนเหลืออยู่กว่า 10 ปี ขณะที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่เพิ่งได้เพิ่มอีก 30 ปี รวมทั้ง Double Deck อาจนำไปสู่การเจรจาต่ออายุสัมปทานทางด่วน ซึ่งจะช่วยยืดอายุสัมปทานโดยรวมและเสริมความมั่นคงให้แก่ธุรกิจในอนาคต แม้จะมีภาระการลงทุนสูงในช่วง 3–4 ปีข้างหน้า แต่บริษัทได้รับการสนับสนุนวงเงินจากธนาคารหลายแห่ง จึงไม่มีความกังวลด้านสภาพคล่อง ทั้งนี้ BEM มองว่าแผนลงทุนดังกล่าวจะสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหุ้น

Company Snapshot -งวด 6 เดือน ปี 2568

Back to top button