
SAWAD ยัน! เกณฑ์ใหม่ EIR ไม่กระทบ ตั้งเป้าคุม NPL ต่ำ 4% ขยายพอร์ตสินเชื่อโต 10%
SAWAD ยืนยันเกณฑ์ EIR ไม่กระทบธุรกิจ หลังดำเนินการตามมาตรฐานบัญชีอยู่แล้ว เดินหน้าขยายพอร์ตสินเชื่อปีนี้ 5–10% เน้นจำนำทะเบียนรถ หนุนรายได้ประกันโต 30–50% รักษา NPL ที่ 3–4% พร้อมคงนโยบายปันผลเงินสด 40%
นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD เปิดเผยในงาน Opportunity Day ที่จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/68 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมอยู่ที่ 4,798 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,317 ล้านบาท ขยายตัวจากไตรมาสก่อนหน้า 15.7% ในขณะที่ 6 เดือนแรกของปี 68 บริษัทมีรายได้รวม 9,573 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,455 ล้านบาท สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารต้นทุนและพอร์ตสินเชื่ออย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจไทยที่ยังคงเผชิญแรงกดดันจากการชะลอตัวจากปัจจัยต่างๆ
ส่วนกรณีกณฑ์การคำนวณดอกเบี้ยเช่าซื้อแบบ EIR (Effective Interest Rate) ตามที่มีข่าวก่อนหน้านี้ บริษัทมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ เนื่องจากบริษัทใช้วิธีดังกล่าวในการรับรู้รายได้มาโดยตลอด โดยอัตราดอกเบี้ย Flat Rate ของพอร์ตเช่าซื้ออยู่ที่ 1.06–1.12% ต่อปี และเมื่อแปลงเป็น EIR จะแสดงในงบการเงินอยู่ที่ไม่เกิน 23% ต่อปี อีกทั้งบริษัทได้ดำเนินการให้ส่วนลดเมื่อลูกค้าปิดบัญชีก่อนกำหนดตามกฎหมายอยู่แล้ว
สำหรับเป้าหมายทั้งปี 2568 บริษัทคงเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อเติบโต 5–10% โดยเน้นกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง พร้อมคาดว่า Credit Cost จะอยู่ในกรอบ 180–200 basis point ตลอด 12 เดือน ขณะเดียวกันตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจประกันเติบโต 30–50% จากปีก่อน โดยมีแผนควบคุมคุณภาพหนี้และรักษา NPL ให้อยู่ในระดับไม่เกิน 3–4%
นอกจากนี้ บริษัทมีเป้าเปิดสาขาใหม่ปีนี้ 200–300 แห่ง เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามหนี้ ขณะเดียวกันคาดว่าครึ่งหลังของปี ต้นทุนทางการเงิน (Cost of Fund) จะทยอยลดลงจากการปรับอัตราดอกเบี้ยและการรีไฟแนนซ์ โดยมีอัตราดอกเบี้ยลดลงราว 90 basis point เมื่อเทียบกับต้นปี ซึ่งจะหนุนให้ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ในส่วนของคุณภาพพอร์ต บริษัทได้ปรับลด Loan to Value มาต่อเนื่อง 2–3 ปี ทำให้ NPL มีแนวโน้มลดลงแม้พอร์ตสินเชื่อขยายตัว ส่วนการขาดทุนจากการขายรถยึดยังเป็นธรรมชาติของธุรกิจ แต่คาดว่าจำนวนจะลดลงต่อเนื่องจากมาตรการควบคุมที่เข้มงวด ทั้งนี้ในไตรมาส 2/2568 บริษัทได้กลับรายการสำรองราว 150 ล้านบาท สืบเนื่องจากปริมาณรถยึดที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยยืนยันว่าไม่ใช่รายการพิเศษ (one time) แต่สะท้อนถึงคุณภาพพอร์ตที่ดีขึ้น
ด้านนโยบายปันผล SAWAD ระบุว่าจะกลับมาจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดตามนโยบายไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ เนื่องจากต้นทุนทางการเงินลดลงและคุณภาพพอร์ตแข็งแกร่งขึ้น โดยมองว่าเป็นการสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้ผู้ถือหุ้นในระยะนี้
สำหรับแนวโน้มครึ่งหลังปี 2568 บริษัทคาดว่าจะเป็น High Season ของธุรกิจ โดยพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนยังคงเป็นกลยุทธ์หลัก เติบโต 1.7% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และจะเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตในปีนี้และปีหน้า ขณะที่ NPL รวมอยู่ที่ 3.8% แยกเป็นกลุ่มสินเชื่อที่อยู่อาศัยและโฉนดที่ดินราว 3.5% และกลุ่มเช่าซื้อ 4.16%
ทั้งนี้ บริษัทเน้นสินเชื่อรายย่อยวงเงิน 2–4 แสนบาทในกลุ่ม HL โดยลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ปล่อยให้ถึงขั้นขายทอดตลาด เนื่องจากการประเมินความสามารถการชำระหนี้อย่างเข้มงวด นอกจากนี้ ในกลุ่มเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ใหม่ บริษัทเตรียมพร้อมรับการกำกับดูแลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจะช่วยทำให้ตลาดมีระบบระเบียบมากขึ้นและผู้เล่นลดจำนวนลง อันเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมในระยะยาว
SAWAD ยืนยันว่าไม่กังวลต่อการควบคุมดูแลของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นเกณฑ์การคิดดอกเบี้ยแบบ EIR หรือบทบาทของ ธปท. ในการเป็นผู้กำกับดูแลกิจการเช่าซื้อ เนื่องจากบริษัทได้ดำเนินการตามมาตรฐานบัญชีและกฎหมายมาโดยตลอด และได้เตรียมความพร้อมด้านพอร์ตสินเชื่อมาอย่างต่อเนื่องกว่า 8–10 ไตรมาส ทำให้มั่นใจว่าสามารถรับมือปัจจัยภายนอกได้อย่างมั่นคง