“เอเชีย พลัส” ชู 18 หุ้นเด่น รับดอกเบี้ยขาลง–ฟันด์โฟลว์หนุนตลาด

“บล.เอเซีย พลัส” ประเมินตลาดหุ้นไทยยังได้แรงหนุนเชิงบวก จากกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าและสัญญาณเฟดส่งดอกเบี้ยขาลง หนุนหุ้นกลุ่มวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง อาทิ MTC, SAWAD, TIDLOR, KTC, GULF, BGRIM, GPSC  มีโอกาสทำผลงานดีกว่าตลาด ขณะเดียวกันค่าเงินบาทแข็งค่าช่วยเพิ่มแรงดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ


การประชุม Jackson Hole ปีนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสัญญาณทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเริ่มสะท้อนความเปราะบางของตลาดแรงงาน ขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เผชิญความท้าทายในการกำหนดทิศทางนโยบายการเงินในระยะถัดไป

ทั้งนี้ คำแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดว่ามีท่าทีต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนนี้หรือไม่ โดยการประชุมครั้งนี้ถือเป็นปัจจัยชี้นำสำคัญที่อาจส่งผลโดยตรงต่อทิศทางของอัตราดอกเบี้ย เงินดอลลาร์ ราคาทองคำ ตลอดจนบรรยากาศการลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลก

ด้านบริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปัจจัยดังกล่าวเริ่มสะท้อนสัญญาณเชิงบวกต่อตลาดการเงินโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นโลกและทิศทางการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทย ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังดอกเบี้ยขาลงและ Fund Flow ต่างชาติที่ไหลเข้า โดยดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นแรง 1.9%–3.9% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงสู่ระดับ 4.25% ต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.5% ซึ่งเทียบเท่ากับการปรับลดดอกเบี้ย 1 ครั้ง สะท้อนความเชื่อมั่นว่าดอกเบี้ยโลกกำลังเข้าสู่ขาลงอย่างจริงจัง โดยเฉพาะสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในเวที Jackson Hole ที่ส่งสัญญาณชัดเจนว่าเฟดอาจพิจารณาลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย.นี้

ด้านปัจจัยในประเทศ ไทยมีแนวโน้มใช้นโยบายการคลังและการเงินในอนาคตเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจ โดยคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในครึ่งหลังปี 2568 สอดคล้องกับการปรับตัวของตราสารหนี้อายุน้อยกว่า 10 ปีที่อัตราผลตอบแทนต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบาย 1.50ขณะที่ตัวเลขส่งออก–นำเข้าเดือน ก.ค. คาดโตชะลอลงที่ +9.6% และ +4.5% ตามลำดับ (จากเดือนก่อนหน้าที่ +15.5% และ +13.1%)

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน (Investment Strategy) บล.เอเซีย พลัส มองว่าตลาดหุ้นไทยมีแรงหนุนจาก 2 ปัจจัยสำคัญ คือ การไหลเข้าของ Fund Flow จากความคาดหวังดอกเบี้ยขาลง และค่าเงินบาทแข็งค่าซึ่งเอื้อต่อการลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้ในช่วงที่มีประเด็นการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ตลาดหุ้นไทยมักปรับขึ้นได้ราว 10% ภายใน 2 เดือน

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิเคราะห์แนะนำธีมลงทุน 3 กลุ่ม ได้แก่

หุ้นวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ได้แก่ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC, บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD, บริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR, บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC

หุ้นรับบาทแข็งค่า ได้แก่ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC

หุ้นขนาดใหญ่ BETA สูง ได้แก่ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA, บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA, บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC,

บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP, บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SJWD, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL

Back to top button