
ตลาดหุ้น “สหรัฐ” สดใส! ปิดบวกยกแผง DJI ดีด 147 จุด รับแรงส่งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกทั้งสามดัชนี ดาวโจนส์พุ่งกว่า 147 จุด นักลงทุนจับตาผลประกอบการของ Nvidia ที่ประกาศกำไรไตรมาสล่าสุดพุ่งแรงถึง 59% สะท้อนความร้อนแรงของตลาดชิป AI แม้จะยังเผชิญความไม่แน่นอนด้านการค้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพุธ (27 ส.ค.68) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดวัน โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและความคาดหวังผลประกอบการ Nvidia
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 45,565.23 จุด เพิ่มขึ้น 147.16 จุด หรือ +0.32%
- ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 6,481.40 จุด เพิ่มขึ้น 15.46 จุด หรือ +0.24% ทำสถิติสูงสุดใหม่ (record close)
- ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 21,14 จุด เพิ่มขึ้น 45.87 จุด หรือ +0.21%
หลังปิดตลาด Nvidia (NVDA) รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปีงบการเงิน 2026 (พฤษภาคม – กรกฎาคม 2568) ออกมาดีกว่าคาดการณ์ โดยมี รายได้รวม 46.7 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 56% จากปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 26.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 59% ขณะที่กำไรต่อหุ้น (EPS ปรับปรุง) อยู่ที่ 1.05 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
รายได้จากธุรกิจ Data Center อยู่ที่ 41.1 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 56% แม้จะต่ำกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย ขณะเดียวกันบริษัทระบุว่า ไตรมาสนี้ยัง ไม่มีรายได้จากการส่งออกชิป H20 ไปยังจีน เนื่องจากข้อจำกัดทางการค้า แต่คาดว่าในไตรมาสถัดไปอาจสร้างรายได้เพิ่มเติมราว 2–5 พันล้านดอลลาร์ หากสามารถส่งออกได้ตามแผน
คณะกรรมการบริหารบริษัทฯ ยังอนุมัติ โครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 60 พันล้านดอลลาร์ พร้อมคาดการณ์รายได้ไตรมาส 3/2026 อยู่ที่ราว 54 พันล้านดอลลาร์ โดยยังไม่รวมรายได้จากจีน
อย่างไรก็ดี ราคาหุ้น Nvidia ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ (after-hours) ปรับตัวลงราว 2–3% สะท้อนความกังวลว่าตลาดชิป AI กำลังร้อนแรงเกินไป
ขณะเดียวกัน ยังมีแรงกดดันจากประเด็นนโยบายการเงิน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามปลด “ลิซา คุก” กรรมการคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนกังวลต่อความเป็นอิสระของธนาคารกลางและทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
สำหรับปัจจัยเศรษฐกิจและการเงินเพิ่มเติม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ทรงตัวใกล้ระดับ 4.20% หลังนักลงทุนชะลอการเคลื่อนไหวเพื่อรอท่าทีของเฟดในเดือนกันยายน
ส่วนดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตะกร้าเงินหลัก สะท้อนการขายทำกำไร หลังนักลงทุนกระจายเงินทุนเข้าสินทรัพย์เสี่ยง
ตลาดยังจับตาการประกาศ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2568 ของสหรัฐฯ (ประมาณการครั้งที่ 2) และ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนกรกฎาคม ซึ่งจะเป็นสัญญาณสำคัญต่อแนวโน้มดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)