
เปิด 17 หุ้น SET ชนะตลาด 8 เดือนแรก NCAP นำทีมโกยรีเทิร์น 53%
สแกนหุ้นกลุ่ม SET รอบ 8 เดือนแรก 2568 พบ 17 หุ้น วิ่งชนะตลาดฯ นำโดย NCAP, SRICHA, BEAUTY, ETL, B52, BCPG, TFG, SCI, S11, BAM, TLHPF, PM, PT, UP, SCC, METCO และ STPI
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นในกลุ่ม SET ในรอบ 8 เดือนแรกของปี 2568 โดยเทียบราคาปิด ณ 31 ธ.ค. 2567 – 29 ส.ค. 2568 เพื่อแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในช่วงดังกล่าว ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นไทย โดยเห็นได้จากภาวะตลาดหุ้นไทยช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาดัชนี SET ปรับตัวลดลงแล้วกว่า 11%
ขณะที่ภาวะตลาดเดือนส.ค.68 ดัชนีลดลง 0.5% จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากมีปัจจัยที่มีผลต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยในเดือนสิงหาคม ได้แก่ สัญญาณจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่อาจปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน, สศช. ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ไทยปี 2566 เป็น 2.0% จากเดิม 1.8%, กำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/2568 ที่เติบโตต่อเนื่อง รวมถึงปัจจัยการเมือง และการปรับน้ำหนักลงทุนของ MSCI (MSCI Rebalancing)
ทั้งนี้แม้ภาพรวมดัชนีจะปรับตัวลดลงจากปัจจัยดังกล่าว แต่ยังมีหุ้นหลายตัวที่สามารถเคลื่อนไหวสวนตลาดได้ โดยเฉพาะหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะและแผนธุรกิจโดดเด่น ซึ่งคาดว่าจะหนุนผลประกอบการแข็งแกร่งทั้งปีนี้และในอนาคต เช่น NCAP, SRICHA, F&D, BEAUTY, ETL, B52, BCPG, TFG, SCI, S11, BAM, TLHPF, PM, PT, UP, SCC,METCO และ STPI โดยจะขอนำเสนอข้อมูลประกอบดังนี้
บริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCAP ครองอันดับหนึ่งด้วยราคาหุ้นที่พุ่งขึ้น 53.21% โดยปรับตัวมาอยู่ที่ระดับ 3.12 บาท จากระดับ 1.46 บาท ณ สิ้นปี 2567 โดย NCAP โชว์ผลงานไตรมาส 2/68 มีกำไร 146.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 200% จากปีก่อน
โดยครึ่งปีแรก 2568 กำไรพุ่ง 260.98% แตะ 280.84 ล้านบาท NPL ต่ำสุดในรอบ 3 ปี หนุนจากพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และธุรกิจใหม่ “Next Money” ดันรายได้โตสะท้อนการบริหารพอร์ตคุณภาพ ควบคุม ECL และต้นทุนการเงินลดลง
ส่วนครึ่งปีหลังมั่นใจโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน พร้อมขยายฐานลูกค้า ปั้น “Next Money” เป็นเครื่องยนต์การเติบโตใหม่ของบริษัท
บริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SRICHA ครองอันดับสองด้วยราคาหุ้นที่พุ่งขึ้น 42.16% โดยปรับตัวมาอยู่ที่ระดับ 9.25 บาท จากระดับ 5.35 บาท ณ สิ้นปี 2567 คาดนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรประเด็นบริษัทได้รับการจ้างงานจาก บมจ.ไทยออยล์ หรือ TOP ในโครงการ Clean Fuel Project (CFP) ในส่วน brown field และ green field area โดยเป็นงานโครงสร้าง งานเครื่องกล งานเหล็ก งานท่อ และงาน insulation และงานส่วน fire proof โดยมีมูลค่างานเริ่มต้นประมาณ 7,800 ล้านบาท เป็นระยะเวลาประมาณ 19 เดือน ซึ่งงานจะเริ่มตั้งแต่เดือนมิ.ย. 68 เป็นต้นไป และสามารถรับรู้รายได้ได้ทันที
โดยงานดังกล่าวจะช่วยเสริมรายได้ให้แก่บริษัทฯ ในปี 2568 และ 2569 นี้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังมี backlog โครงการอื่นๆ และมีแผนเสนอโครงการเพิ่มเติมในปี 2568 อีก เช่นโครงการ ALUMINA ที่ทวีปแอฟริกา มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท และโครงการ LNG Papua New Guinea, LNG Canada, LNG Mozambique ซึ่งงานเหล่านี้จะเริ่มต้นราวๆ ปลายปี 2569
บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ครองอันดับสามด้วยราคาหุ้นที่พุ่งขึ้น 36.73% โดยปรับตัวมาอยู่ที่ระดับ 0.49 บาท จากระดับ 0.31 บาท ณ สิ้นปี 2567 คาดนักลงทุนเก็งกำไรหลังผู้ถือหุ้นใหญ่ “ธัญญาภรณ์ ไกรภูเบศ” ทยอยซื้อหุ้นเพิ่มต่อเนื่องนับตั้งช่วงวันที่ 15-29 ส.ค.2568 เพิ่มรวมกว่า 100 ล้านหุ้น
ส่งผลให้ภายหลังการเข้าซื้อดังกล่าว นางธัญญาภรณ์ ไกรภูเบศ มีสัดส่วนการเข้าถือหุ้นเพิ่มเป็น 534,525,400 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 17.85% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมด จากเดิม ถือหุ้นจำนวน 373,836,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 12.49% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมด (ภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 13 มี.ค.2568)
ทั้งนี้แม้ภาพรวมสะท้อนว่าตลาดยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกและเงินทุนต่างชาติไหลออก แต่หุ้นรายตัวที่มีพื้นฐานแกร่งและแผนธุรกิจโดดเด่นยังคงเป็นโอกาสให้นักลงทุนเลือกสะสมเพื่อเก็งกำไรและการลงทุนระยะกลาง–ยาว