แบงก์พุ่ง ไฟแนนซ์ร่วง

วานนี้คณะกรรมการนโยบายการเงินคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50% ถามว่า เซอร์ไพรส์ หรือเปล่า คำตอบคือ “ไม่เซอร์ไพรส์” เท่าไหร่


วานนี้คณะกรรมการนโยบายการเงินคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50%

ถามว่า เซอร์ไพรส์ หรือเปล่า

คำตอบคือ “ไม่เซอร์ไพรส์” เท่าไหร่

เพราะหากย้อนกลับไปดูผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐกิจ นักวิเคราะห์จะพบว่า ความเห็นต่อการลด และไม่ลดดอกค่อนข้างก้ำกึ่งกัน

แต่จะออกมาทางไม่ปรับลดอกเบี้ยมากกว่า

แม้ว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิม แต่มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ มติที่ออกมา 5:2 ถือว่าว่ามีนัยฯ ต่อการพิจารณาดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปของ กนง. และเป็นครั้งสุดท้ายของปี 2568 (17 ธ.ค.)

มาดูเหตุผลของการคงดอกเบี้ยครั้งนี้ก่อน

คณะกรรมการฯ 5 คน ที่ให้คงดอกเบี้ยไว้ ต่างเห็นว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนคลาย

ทั้งนี้ก็เพื่อเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งการลดอัตราดอกเบี้ยที่ผ่านมา อยู่ระหว่างการส่งผ่านไปยังภาคเศรษฐกิจ

กรรมการส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับจังหวะเวลา และประสิทธิผลของนโยบายการเงิน ภายใต้ขีดความสามารถของนโยบายการเงิน (policy space) ที่มีจำกัด

ส่วนกรรมการอีก 2 คน เห็นว่านโยบายการเงินสามารถผ่อนคลายเพิ่มเติมได้ เพื่อให้ภาวะการเงินสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และมีส่วนช่วยบรรเทาปัญหาด้านสภาพคล่องและภาระหนี้ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs และครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง

มติของกรรมการ กนง.ที่ออกมาไม่เป็นเอกฉันท์นี่แหละ ทำให้น่าสนใจ

เพราะจากสถิติที่ผ่านมา “ส่วนใหญ่” ของการประชุมแล้วมติไม่เป็นเอกฉันท์นั้น

ในการประชุมครั้งถัดไปมักจะเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านอัตราดอกเบี้ยแทบจะทุกครั้ง คือ ไม่ “ปรับขึ้น” ก็จะ “ปรับลง

ในสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างปัจจุบัน

แน่นอนว่าดอกเบี้ยจะไม่ถูกปรับขึ้นแน่ ๆ ทำให้ถูกมองว่า การประชุม กนง.ครั้งถัดไปในช่วงปลายปี 2568 นี้ จะต้องปรับลงอีก 0.25% ค่อนข้างแน่นอน

ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายจะปรับมาที่ 1.25%

โดยมีการให้น้ำหนักต่อดอกเบี้ยถูกปรับลงมากกว่า 80% หรืออาจจะถึง 90%

ดอกเบี้ยที่ถูกปรับลง เมื่อโยงเข้ากับตลาดหุ้น จะมีกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลบวก และผลลบ แตกต่างกันไป

เช่น กลุ่มธนาคาร วานนี้เด้งรับทันที หลังจากหลายวันก่อนหน้านี้ ราคาหุ้นค่อนข้างจะเคลื่อนไหวอิงไปในทางลงซะมากกว่า เพราะกังวลเกี่ยวกับ ส่วนต่างดอกเบี้ยหรือ NIM ที่จะแคบลง หากดอกเบี้ยปรับลง

ส่วนกลุ่มไฟแนนซ์ที่มีการไล่ราคาหุ้นขึ้นมา

เช่น MTC SAWAD TIDLOR NCAP KTC TURBO ต่างปิดในแดนลบกันถ้วนหน้า

สำหรับหุ้นกลุ่มธนาคาร ในช่วงสั้นถึงกลาง ราคาน่าจะขยับขึ้นไปได้อีก

เหตุผลเพราะสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป จะเริ่มแจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2568 กันออกมาแล้ว โดยล่าสุด เห็นว่า ต่างยังคงแสดงกำไรสุทธิที่น่าพอใจ

แม้ว่าบางหุ้นแบงก์อาจจะมีกำไรปรับลงบ้างจากส่วนต่างดอกเบี้ยลดลง (NIM

แต่ไม่ถึงกับน่ากังวลอะไรมากนัก

ส่วนหุ้นแบงก์ที่โดดเด่นในกลุ่ม เท่าที่สำรวจดูจากโบรกเกอร์ต่าง ๆ วิเคราะห์กันออกมา ต่างยังยกให้ “แบงก์กรุงไทย” หรือ KTB จะมีกำไรโดดเด่น

และอีกหุ้นคือ บมจ.เอสซีบี เอกซ์ หรือ SCB ที่น่าจะมีเซอร์ไพรส์ด้านบวก

กลับมาที่หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ในช่วงที่ราคาปรับลง

มีคำแนะนำว่า หากลงมาที่บริเวณแนวรับ สามารถทยอยสะสมได้ (ซื้อให้ต่ำกว่าแนวรับ) เพราะในระยะกลางถึงยาว จะยังคงได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง

เพราะเท่าที่คาดการณ์กันไว้ คือ ปี 2569-2570

ดอกเบี้ยยังคงปรับลงเรื่อย ๆ

Back to top button