
“ทอง” ปิดพุ่ง 1.3% ทะลุ 3,600 เหรียญ เก็งเฟดลดดอกเบี้ยหนุนแรงซื้อ
“ทองคำ” ปิดพุ่ง 1.3 % แตะ 3,653.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนแห่เข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังตลาดแรงงานซบเซา หนุนโอกาสเฟดลดดอกเบี้ยสูงถึง 90%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 3,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันศุกร์ (5 ก.ย.) หลังข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแอช่วยเพิ่มความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งเอื้อต่อการลงทุนในทองคำ
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 46.60 ดอลลาร์ หรือ 1.29% ปิดที่ 3,653.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแล้ว 37% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ หลังจากเพิ่มขึ้น 27% ในปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ การเข้าซื้อของธนาคารกลาง นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลง รวมถึงความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก
ข้อมูลเศรษฐกิจชี้ว่าการจ้างงานสหรัฐฯ ในเดือนส.ค. อ่อนแอลงมาก ขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ 4.3% ซึ่งยืนยันถึงภาวะตลาด แรงงานที่อ่อนแอ บรรดานักลงทุนจึงคาดว่า มีความเป็นไปได้ 90% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% และมีความเป็นไปได้ 10% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนก.ย.นี้
ทองคำซึ่งไม่มีการจ่ายดอกเบี้ย มักได้รับความสนใจเมื่ออัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำและตลาดเผชิญความไม่แน่นอน ทำให้นักลงทุนมองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
ทั้งนี้ จีนและอินเดียเป็นผู้บริโภคทองรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่ความต้องการทองคำจริงในตลาดสองประเทศนี้ลดลงในสัปดาห์นี้เพราะราคาที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุด
ข้อมูลการสำรองทองคำเดือนส.ค.ของธนาคารกลางจีนซึ่งจะประกาศในวันอาทิตย์นี้ จะไม่สะท้อนถึงราคาที่พุ่งทำสถิติสูงสุดในเดือนก.ย. แต่อาจจะให้ความกระจ่างมากขึ้นว่า ราคาที่สูงขึ้นนั้นมีผลต่อการซื้อทองของธนาคารกลางอย่างไร