
บอร์ด “สปสช.” ไฟเขียวบัตรทองรักษา “โรคหัวใจ” เพิ่มสิทธิ TAVI-อุปกรณ์เด็ก
บอร์ด สปสช. เห็นชอบเพิ่มสิทธิประโยชน์บัตรทอง 30 บาท ครอบคลุมการใส่ลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวน (TAVI) และอุปกรณ์รักษาโรคหัวใจในเด็ก หลังต่อรองราคาจนคุ้มค่า คาดใช้งบปีละ 87 ล้านบาท รองรับผู้ป่วย 300 ราย
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 ซึ่งมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบเพิ่มสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง 30 บาท) สำหรับปีงบประมาณ 2568 จำนวน 2 รายการ ได้แก่
1.ชุดอุปกรณ์ในการทำหัตถการใส่ลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวน (Transcatheter Aortic Valve Implantation : TAVI) ในผู้ป่วยที่มีภาวะลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบระยะรุนแรง
2.อุปกรณ์สำหรับรักษาผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจ
นพ.จเด็จ กล่าวว่า TAVI เป็นวิธีรักษาที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการผ่าตัดแบบเปิด เนื่องจากการฟื้นตัวเร็วกว่าและปลอดภัยกว่า โดยเดิมราคาชุดอุปกรณ์อยู่ที่ 6-8 แสนบาทต่อชุด ทำให้การประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์สุขภาพไม่ผ่านเกณฑ์ อย่างไรก็ดี สปสช.ได้เจรจาต่อรองกับผู้ผลิตจนได้ราคาที่เหมาะสมคือประมาณ 3 แสนบาทต่อชุด ซึ่งถือว่าคุ้มค่าและเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพ
ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่จะเข้ารับการรักษาต้องเข้าเกณฑ์ภาวะลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบระยะรุนแรง คือ พื้นที่เปิดของลิ้นหัวใจเอออร์ติกน้อยกว่า 1 ตารางเซนติเมตร และมีค่าความดันเฉลี่ยมากกว่า 40 มิลลิเมตรปรอท พร้อมคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น อายุเกิน 80 ปี หรือมีความเสี่ยงการเสียชีวิตจากการผ่าตัดมากกว่าร้อยละ 8 หรือได้รับการประเมินจากคณะทำงาน Heart Team ว่าไม่เหมาะสมต่อการผ่าตัดแบบเปิด
ขณะเดียวกัน บอร์ด สปสช. ยังเห็นชอบการบรรจุวัสดุสำหรับอุดกั้นหลอดเลือดขนาดใหญ่ชนิดก้อน (Vascular Plugs) สำหรับรักษาผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจ ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่าและราคาถูกกว่าอุปกรณ์เดิม โดยราคาชิ้นละ 22,500 บาท
สำหรับงบประมาณ คาดว่าการจัดซื้อชุดอุปกรณ์ TAVI ทั้งแบบพื้นฐาน (Basic Set) ราคา 280,000 บาท และแบบครบชุด (Comprehensive Set) ราคา 330,000 บาท จะใช้งบรวมราว 87 ล้านบาทต่อปี รองรับผู้ป่วย 300 รายต่อปี ส่วนอุปกรณ์สำหรับเด็กโรคหัวใจจะใช้งบเพิ่มเติมตามความต้องการ ซึ่งการบรรจุ 2 รายการใหม่นี้ถือเป็นการยกระดับการรักษาโรคหัวใจในระบบบัตรทอง ให้ผู้ป่วยเข้าถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย มีคุณภาพและมาตรฐานมากขึ้น