“บัวหลวง” ชี้รัฐบาลใหม่เน้นลดค่าไฟ-ราคาก๊าซ หนุนกำไร PTT เพิ่ม 7% ต่อปี

บล.บัวหลวง ระบุรัฐบาลใหม่ภายใต้นายกฯ อนุทิน เน้นมาตรการลดค่าครองชีพ โดยมีแนวโน้มปรับลดค่าไฟฟ้าและเดินหน้าโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติใหม่ ใช้ราคาก๊าซอ่าวไทยเป็นมาตรฐาน หนุนกลุ่มพลังงาน ชี้กำไร PTT เพิ่มขึ้นราว 7% ต่อปี และโรงไฟฟ้า SPP เติบโตต่อเนื่อง


บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS ระบุในบทวิเคราะห์ล่าสุดว่า การปรับลดค่าครองชีพยังคงเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ซึ่งมาตรการหนึ่งที่มีความเป็นไปได้สูงคือ การปรับลดค่าไฟฟ้า โดยเชื่อว่าแผนการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติจะยังคงเดินหน้าต่อไป

โดยแผนดังกล่าวมีสาระสำคัญในการใช้ราคาก๊าซจากแหล่งอ่าวไทยเป็น “ราคากลาง” สำหรับคำนวณราคาก๊าซที่ส่งให้กับโรงแยกก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าประเภท SPP (Small Power Producer) ซึ่งราคาก๊าซจากอ่าวไทยมักต่ำกว่าราคาเฉลี่ย pooled gas ราว 2–3 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู

ทั้งนี้ หากแผนดังกล่าวได้รับการดำเนินการต่ออย่างเป็นรูปธรรม บริษัทฯ ประเมินว่า จะส่งผลบวกต่อผลประกอบการของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT รวมถึงผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า SPP โดยคาดว่าจะมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรสุทธิของ PTT เพิ่มขึ้นราว 7% ต่อปี

ในส่วนของการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันในประเทศ ซึ่งอยู่ในร่างพระราชบัญญัติพลังงานฉบับใหม่ ที่ร่างขึ้นในสมัยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนก่อนนั้น BLS มองว่า ยังไม่ใช่วาระเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ เนื่องจากปัจจุบันค่าการกลั่นในตลาดสิงคโปร์ยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปก็ยังไม่ปรับตัวขึ้นแรง

อย่างไรก็ตาม หากร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านการพิจารณาในรูปแบบเดิม จะมีผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศยังคงอิงกับราคาตลาดสิงคโปร์ ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติในปัจจุบันอยู่แล้ว

นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า ประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่ไม่ได้เป็นสมาชิกกลุ่มโอเปก (Non-OPEC) มีแนวโน้มที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบได้ถึง 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกที่ประมาณ 1.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่กลุ่ม OPEC+ ยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตไปจนถึงเดือนตุลาคม 2568 โดย OPEC ได้ยกเลิกมาตรการลดการผลิตน้ำมันดิบไปแล้วราว 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวันตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา

สถานการณ์ดังกล่าวจะช่วยลดแรงกดดันต่อค่าการกลั่นของโรงกลั่นในประเทศ และราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่มีแนวโน้มลดลงยังเอื้อต่อผู้ค้าปลีกน้ำมัน เช่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR และ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ในการรักษาอัตรากำไร (มาร์จิ้น)

สำหรับการจัดตั้งคลังน้ำมันสำรองเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve: SPR) ซึ่งอยู่ในร่างกฎหมายเดียวกันนั้น บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง มองว่า แม้จะเป็นนโยบายที่ดีในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน แต่ยังมีข้อจำกัดด้านงบประมาณที่สูง โดยเฉพาะต้นทุนในการก่อสร้างถังเก็บน้ำมันและงบประมาณสำหรับการจัดซื้อน้ำมันดิบ จึงอาจต้องใช้เวลาในการดำเนินการ

รัฐบาลใหม่มีแนวโน้มจะเปิดประมูลบล็อกสำรวจแหล่งปิโตรเลียมรอบที่ 26 ในช่วงปลายปีนี้ (โดยเฉพาะบริเวณชายฝั่ง) หากพบแหล่งปิโตรเลียมที่สามารถพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้ จะช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานของไทย และหนุนกำไรของบริษัท E&P ที่ชนะการประมูล เช่นบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP หรือกิจการ E&P ของ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP อย่างไรก็ตาม แม้จะค้นพบแหล่งที่มีศักยภาพแล้ว การเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์โดยทั่วไปยังต้องใช้เวลาประมาณ 7–8 ปี นับตั้งแต่การค้นพบ

Back to top button