
“กลาโหม” ย้ำยังไม่เปิดด่านชายแดน รอกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลง
โฆษกกลาโหม เผยผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ที่เกาะกง เห็นพ้องถอนอาวุธหนัก–เก็บกู้ทุ่นระเบิด ตั้งคณะทำงานร่วมปราบสแกมเมอร์ ย้ำยังไม่เปิดด่านชายแดนตอนนี้ ผ่อนปรนเฉพาะรถสินค้าเมื่อพร้อม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 ก.ย.68) พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ที่จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา โดยฝ่ายไทยนำโดย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า ที่ประชุมทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้ถอนอาวุธหนัก และยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดน โดยฝ่ายเลขานุการ GBC และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) จะหารือภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนและเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังออกตามเวลาที่กำหนด พร้อมให้คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) เข้าร่วมสังเกตการณ์
นอกจากนี้ ยังมีข้อตกลงร่วมกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน โดยจะเริ่มดำเนินการภายใน 1 เดือน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ สำหรับการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ (Scammer) ที่ประชุมได้เห็นชอบจัดตั้งคณะทำงานร่วมภายใน 1 สัปดาห์ โดยฝ่ายไทยได้ส่งข้อมูลและพิกัดสแกมเซนเตอร์กว่า 60 แห่งให้กัมพูชาดำเนินการปราบปราม ถือเป็นครั้งแรกที่ฝ่ายกัมพูชาตอบรับให้ความร่วมมือ และฝ่ายไทยจะติดตามผลอย่างใกล้ชิดในที่ประชุม GBC สมัยพิเศษครั้งต่อไป ภายใน 30 วัน
ส่วนในประเด็นการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน มอบหมายให้คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) กำหนดความชัดเจนของเส้นเขตแดน และให้ RBC จัดทำแนวทางบริหารจัดการตามกรอบของ JBC โดยในกรณีพื้นที่บ้านหนองจาน ขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และจังหวัดบันเตียเมียนเจย อยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการผ่อนปรนการผ่านแดน กระทรวงกลาโหมขอชี้แจงว่า ยังไม่มีการเปิดด่านในขณะนี้ การหารือเป็นเพียงเชิงหลักการ หากมีการดำเนินการในอนาคตจะผ่อนปรนเฉพาะรถขนส่งสินค้า ไม่ใช่บุคคล และจะอยู่ภายใต้ข้อจำกัดเรื่องจำนวนเที่ยวหรือรายกรณี ขึ้นอยู่กับระดับความพร้อมและสถานการณ์ในพื้นที่
โดยกระทรวงกลาโหมได้แบ่งพื้นที่ชายแดนออกเป็น 3 ระดับความตึงเครียด ได้แก่ พื้นที่ชายแดนกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งครอบคลุมจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ กำหนดเป็นโซนที่ 1 หรือพื้นที่ที่มีความตึงเครียดสูงสุด ส่วนชายแดนกองทัพภาคที่ 1 ในจังหวัดสระแก้ว กำหนดเป็นโซนที่ 2 หรือพื้นที่ที่มีความตึงเครียดปานกลาง ขณะที่พื้นที่ชายแดนภายใต้กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด กำหนดเป็นโซนที่ 3 หรือพื้นที่ที่มีความตึงเครียดน้อยที่สุด
ทั้งนี้ มาตรการผ่อนปรนจะเริ่มนำร่องในโซนที่ 3 ก่อน โดยให้ RBC ร่วมกำหนดรายละเอียด เช่น ประเภทสินค้า เวลาผ่านแดน และจำนวนเที่ยวรถ พร้อมบูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ หอการค้า กรมศุลกากร กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายสำคัญที่นายกรัฐมนตรี มอบแก่พล.อ.ณัฐพล คือ ต้องปกป้องอธิปไตยชาติ พร้อมดูแลประชาชน เพราะความตึงเครียดที่ยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อเกษตรกร ผู้ประกอบการ และครัวเรือนโดยตรง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะทำให้การเจรจาครั้งนี้เดินหน้าได้อย่างแท้จริง คือ ความจริงใจและการปฏิบัติตามข้อตกลงของฝ่ายกัมพูชา หากไม่มีการปฏิบัติจริง ความร่วมมือที่ตกลงกันไว้ย่อมไม่เกิดผล และจะเป็นอุปสรรคต่อการคลี่คลายสถานการณ์