ประชุมGBC

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 ก.ค. 68) เวลา 17:21 น. สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีหนังสือตอบกลับรับคำเชิญของ พล.อ.เตีย เซยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ในการเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย–กัมพูชา (General Border Committee: GBC) เพื่อหารือแนวทางลดความตึงเครียด และแก้ไขปัญหาความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้เสนอให้จัดการประชุมในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นพื้นที่เป็นกลาง เนื่องจากสถานการณ์มีความอ่อนไหว พร้อมกันนี้ ได้เสนอขยายกรอบเวลาการประชุมออกเป็นวันที่ 4–7 สิงหาคม 2568 เพื่อให้การหารือครอบคลุมทุกประเด็นอย่างรอบด้าน “ไทยยืนยันความมุ่งมั่นในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และมิตรภาพกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองประเทศ และส่งเสริมจิตวิญญาณแห่งอาเซียน” สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุทิ้งท้าย ภาพ : ทีมโฆษกกองทัพบก วันเดียวกัน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบก โดยกรมข่าวทหารบก ได้จัดการหารือร่วมกับ ผู้ช่วยทูตทหารจากประเทศสมาชิกอาเซียนประจำประเทศไทย นำโดยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซีย ณ อาคารศรีสิทธิสงคราม กองบัญชาการกองทัพบก โดยมี พล.ท.กำชัย วงศ์ศรี เจ้ากรมข่าวทหารบก เป็นประธานการประชุม การหารือมีเป้าหมายหลัก เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา รวมถึงหารือแนวทางจัดตั้ง “ทีมเฝ้าติดตามชั่วคราวของอาเซียน” หรือ Interim ASEAN Defence Attaches Monitoring Team เพื่อปฏิบัติหน้าที่สังเกตการณ์การหยุดยิงตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งสอดคล้องกับข้อตกลงที่ได้จากการเจรจาหยุดยิง ณ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นพ้องถึงความจำเป็นในการจัดตั้งทีมสังเกตการณ์ชั่วคราวจากผู้แทนฝ่ายทูตทหารอาเซียนโดยเร่งด่วน เพื่อเป็นกลไกเบื้องต้นในการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ความขัดแย้ง และสร้างความเชื่อมั่นระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงการวางโครงสร้าง ASEAN Monitoring Team (AMIT) ซึ่งจะเป็นกลไกถาวรในระยะถัดไป โดยประเด็นดังกล่าวจะถูกเสนอเข้าสู่วาระการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย–กัมพูชา (GBC) ในวันที่ 4 สิงหาคม 2568 โฆษกกองทัพบก ย้ำว่า กองทัพบกไทยพร้อมดำเนินการทุกมิติเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม โดยยึดมั่นในหลักสากล ไม่รุกราน และไม่ใช้ความรุนแรง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้ง และส่งเสริมสันติภาพอย่างยั่งยืนในภูมิภาค อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : “กองทัพบก” ยืนยันไทยคุมพื้นที่ “ปราสาทตาควาย” เพิ่มขึ้น