4 หุ้นกอดคอวิ่ง! รับข่าว AOT ชงแผนรัฐบาลใหม่ ดันไทยฮับการบินภูมิภาค

AOT-THAI-SKY-TEAMG วิ่ง! ขานรับอานิสงส์ AOT เดินหน้าดันไทย “ศูนย์กลางการบิน” ภูมิภาค เพิ่มรายได้ปีละ 3.3 หมื่นล้านบาท ด้านบล.บัวหลวง แนะเก็งกำไร 5 หุ้นรับอานิสงส์ฮับการบิน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (12 ก.ย.68) ณ เวลา 10:43 น. ราคาหุ้น บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY อยู่ที่ระดับ 15.10 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.03% สูงสุดที่ระดับ 15.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 14.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 17.38 ล้านบาท

บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG อยู่ที่ระดับ 3.12 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 1.96% สูงสุดที่ระดับ 3.14 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.89 ล้านบาท

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI อยู่ที่ระดับ 14.60 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.69% สูงสุดที่ระดับ 14.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 14.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 286.90 ล้านบาท

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT อยู่ที่ระดับ 38 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.66% สูงสุดที่ระดับ 39 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 38 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 388.63 ล้านบาท

นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า AOT มีความตั้งใจที่จะผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค แม้ขณะนี้จะอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล แต่ AOT ก็มิได้ชะลอการทำงาน เบื้องต้นได้เตรียมข้อมูลทั้งหมดไว้พร้อมแล้ว เพื่อเสนอรัฐบาลชุดใหม่ให้รับทราบภารกิจ AOT ที่ต้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วนขณะนี้

ประกอบด้วย 1) การขอปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก (PSC) ซึ่งจำเป็นต้องจัดเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ในอัตราที่แข่งขันได้ เพื่อให้ AOT สามารถนำรายได้มาปรับปรุง หรือจัดหาวัสดุอุปกรณ์ พัฒนาระบบต่าง ๆ ให้ทันสมัย อย่างกรณีท่าอากาศยานชางงี ประเทศสิงคโปร์

ล่าสุด AOT ได้เสนอเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) เรียบร้อยแล้ว โดยขอปรับขึ้นอีก 5 บาทต่อคน โดยผู้โดยสารระหว่างประเทศจาก 730 บาท เป็น 735 บาทต่อคน และผู้โดยสารภายในประเทศจาก 130 บาทเป็น 135 บาทต่อคน และ CAAT เห็นด้วยกับอัตราดังกล่าวแล้ว เหลือเพียงรอเสนอคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) เท่านั้น แต่ขณะนี้เนื่องจากมีกรรมการ กบร.ลาออก 1 ราย จึงอยู่ในขั้นตอนการแต่งตั้งใหม่ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธาน กบร.จะเป็นผู้เสนอรายชื่อกรรมการคนใหม่ต่อ ครม.จากนั้น กบร.จะทำการประชุมได้ตามระเบียบ ต้องรอรัฐบาลใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่ก่อน โดยการปรับขึ้นค่า PSC ตามอัตราดังกล่าวจะส่งผลให้รายได้ของ AOT เพิ่มขึ้นอีก 200-300 ล้านบาทต่อปี

2) การแก้ปัญหาสัญญาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT กับกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ต.ค.นี้ 3) การจัดหาผู้ประกอบการรายที่ 3 สำหรับ 2 โครงการ วงเงินรวม 67,305 ล้านบาท คือ โครงการให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น การให้บริการผู้โดยสารภาคพื้นและกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วงเงิน 29,390.76 ล้านบาท และโครงการให้บริการคลังสินค้า (คาร์โก้) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วงเงิน 37,914.56 ล้านบาท ซึ่ง AOT จะประกาศผลการคัดเลือกอย่างเป็นทางการไม่เกินต้นสัปดาห์หน้า และยังมั่นใจว่าจะผลักดันให้ลงนามในสัญญาได้ภายในปี 2568 หลังจากเสนอให้ครม.เห็นชอบแล้ว

ขณะที่มีรายงานข่าวว่าผู้ชนะการคัดเลือกทั้ง 2 โครงการ คือ บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด หรือ  AOTGA (AOT ถือหุ้น 49% และบริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ SAL ถือหุ้นอีก 51% (บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ถือหุ้นใน SAL 46.8%, บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ถือหุ้น 25.46%, บริษัท มายบ็อกส์ จำกัด ถือหุ้น 13.60%) ทำให้ SKY มีสัดส่วนการถือหุ้นใน AOTGA ประมาณ 24%)

บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า แผนยุทธศาสตร์ผลักดันไทยขึ้นแท่น “ศูนย์กลางการบิน” (Aviation Hub) ของภูมิภาค สามารถสร้างรายได้ใหม่ 33,000 ล้านบาทต่อปี โดยอาศัยการเติบโตของผู้โดยสาร (Passengers), เครื่องบิน (Planes) และสินค้า (Payloads)

สำหรับรายได้จาก 3 ปัจจัยหลัก 1) ผู้โดยสาร (Passengers) การปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสาร (PSC) เพิ่ม 100 บาท/เที่ยว คาดสร้างรายได้กว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่การเก็บค่าธรรมเนียมผู้โดยสารเปลี่ยนเครื่อง (Transit Fee) 200 บาท/คน จะเพิ่มรายได้อีก 2,000 ล้านบาท รวมถึงการใช้รันเวย์อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น 5% จะสร้างรายได้เพิ่ม 1,800 ล้านบาท 2) การเพิ่มฝูงบิน (Planes)  การเพิ่มอัตราการบรรทุกผู้โดยสารของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI  เพียง 1% จะหนุนรายได้เพิ่ม 1,500 ล้านบาทต่อปี และแผนขยายฝูงบินจาก 78 ลำ เป็น 150 ลำ ภายในปี 2576 จะเพิ่มรายได้เฉลี่ยปีละ 18,000 ล้านบาท 3) สินค้า (Payloads)  การสร้างศูนย์ขนส่งสินค้าล็อตใหม่ 4 แสนตัน/ปี ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะสร้างรายได้เพิ่มปีละ 4,000 ล้านบาท และหากขยายสู่ 3 ล้านตัน/ปี จะดันรายได้เพิ่มรวมถึง 10,000 ล้านบาท

สำหรับหุ้นที่ได้อานิสงส์ ได้แก่ AOT ได้ประโยชน์โดยตรงจากค่าธรรมเนียม PSC, Transit (การเดินทางที่มีการแวะพักแล้วทำการเดินทางต่อด้วยเที่ยวบินเดิม)  และค่าบริการสนามบิน หุ้นบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI จากการขยายฝูงบินและเส้นทางการบิน ยกระดับเป็นสายการบินเชื่อมต่อภูมิภาค หุ้นบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY จากการให้บริการเทคโนโลยีสนามบิน เช่น ระบบ CUPPS, APPS และโซลูชันดิจิทัล

TEAMG  จากการเป็นที่ปรึกษาและผู้ออกแบบโครงการขยายสนามบิน เช่น โครงการพัฒนาอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ หรือ South Terminal สุวรรณภูมิ และสนามบินอู่ตะเภา รวมทั้งบริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และขนส่งสินค้า ที่จะได้อานิสงส์จากปริมาณสินค้าทางอากาศเพิ่มขึ้น

รายงานยังระบุว่า “ศูนย์กลางการบิน” ไม่ใช่เพียงโครงสร้างพื้นฐาน แต่คือการเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ให้สร้างรายได้ยั่งยืนจากทั้งผู้โดยสาร สินค้า และธุรกิจสนับสนุน โดยนอกจากรายได้ 33,000 ล้านบาทต่อปีแล้ว ยังมี ผลทวีคูณ (Multiplier Effect) จากนักท่องเที่ยวเปลี่ยนเครื่องที่กลายเป็นนักท่องเที่ยวเข้าพัก การขยายธุรกิจร้านค้า, ภัตตาคาร, และการสร้างงานในห่วงโซ่อุตสาหกรรมการบิน

Back to top button