
ขนทัพ 21 บจ. เตรียมรับอานิสงส์ “เฟดลดดอกเบี้ย–คนละครึ่งเฟสใหม่”
ตลาดหุ้นไทยคึกคักรับแรงเก็งกำไร หลังเฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ย ผนวกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “คนละครึ่ง” โบรกฯ ชี้เป้า 21 หุ้นเด่นกลุ่มค้าปลีก อาหาร และการบริโภค รับอานิสงส์โดยตรงในระยะสั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Headline CPI) ของสหรัฐฯ เดือนสิงหาคม 2568 เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากระดับ 2.7% ในเดือนกรกฎาคม ขณะที่เมื่อเทียบรายเดือนปรับตัวขึ้น 0.4% เร่งตัวจาก 0.2% ในเดือนก่อนหน้า
ด้านดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับเพิ่ม 3.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทรงตัวจากเดือนกรกฎาคม ส่วนรายเดือนขยับขึ้น 0.3% เช่นเดียวกับเดือนก่อนหน้า
แรงกดดันเงินเฟ้อหลักยังคงมาจากราคายานยนต์และรถบรรทุกมือสอง ซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้า แม้ผู้ประกอบการจะส่งผ่านต้นทุนสู่ผู้บริโภคในอัตราที่ชะลอลงจากช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันภาคบริการยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าเช่าที่พัก และค่าเช่าบ้าน แม้การปรับเพิ่มโดยรวมจะชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม
สอดคล้องกับฝ่าย บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยบทวิเคราะห์ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ เดือนสิงหาคม 2568 ปรับตัวขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.7% และสูงกว่าตลาดคาดเล็กน้อยในเชิงรายเดือน โดยขยายตัว 0.4% เทียบกับเดือนก่อนหน้า เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ 0.3% และสูงกว่าตัวเลขเดือนกรกฎาคมที่ 0.2%
ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ของสหรัฐฯ เดือนสิงหาคม 2568 ออกขยายตัว 3.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และ 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งออกมาตรงกับที่ตลาดคาดการณ์ และทรงตัวจากเดือนกรกฎาคม ขณะที่เงินเฟ้อทั่วไป (CPI) อยู่ที่ 2.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน สอดคล้องกับที่คาด และเพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม ที่ 2.7% ส่วนเมื่อเทียบรายเดือน CPI ปรับตัวขึ้น 0.4% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 0.3% และเร่งตัวขึ้นจากเดือนกรกฎาคม ที่ 0.2% โดยรวมตัวเลขดังกล่าวสะท้อนการขยายตัวของเงินเฟ้อผู้บริโภคที่ได้รับแรงหนุนจากราคาอาหารและพลังงาน ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่าต้นทุนด้านที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันเงินเฟ้อในรอบนี้
ทั้งนี้ บล.ฟิลลิปมองว่า แม้ FedWatch Tool จะสะท้อนโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดลงเล็กน้อย แต่ภาพรวมยังให้น้ำหนักว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ครั้งละ 0.25% โดย Bond Yield สหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลงต่อเนื่องแตะระดับ 4.00% ต่ำสุดในรอบ 23 สัปดาห์ หนุนหุ้นกลุ่ม Yield Play อาทิ การเงิน, โรงไฟฟ้า, อสังหาริมทรัพย์ และอิเล็กทรอนิกส์ มีดังนี้ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC, บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA,
บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE, บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA, บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI, บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI, บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP
สำหรับตลาดหุ้นไทย คาดว่าจะเคลื่อนไหวไซด์เวย์อัพ จากแรงหนุนปัจจัยต่างประเทศ ขณะเดียวกันนักลงทุนยังจับตาความคืบหน้าการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี คาดจะเข้าสู่กระบวนการถวายสัตย์และการแถลงนโยบายในเร็ว ๆ นี้ โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยเฉพาะโครงการ “คนละครึ่ง” ที่มีวงเงินราว 2.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเดินหน้าได้ภายใน 2 สัปดาห์หลังการแถลงนโยบาย ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนเชิงบวกต่อ GDP และสนับสนุนหุ้นกลุ่มค้าปลีก ท่องเที่ยว และอาหารในระยะสั้น
ทั้งนี้ บล.ฟิลลิป มีมุมมองต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก ที่ได้รับอานิสงส์จากโครงการ “คนละครึ่ง” มีดังนี้ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF, บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG,
บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP, บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI, ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB, บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA, บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA, บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN