SYNEX บูมรับกระแส iPhone 17

หนึ่งในหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากกระแส iPhone 17 หนีไม่พ้น SYNEX ซึ่งเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าไอทีครบวงจรในประเทศไทย


คุณค่าบริษัท

การที่ Apple เปิดตัว iPhone 17 ซีรีส์ ซึ่งมีทั้ง iPhone 17, iPhone 17 Plus, iPhone Air, iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max ราคาเริ่มต้น 29,900-80,900 บาท รวมทั้งมีสินค้าอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น AirPods Pro 3, Apple Watch Series 11, Apple Watch SE 3 และ Apple Watch Ultra 3 ด้วย ทำให้สาวกไอโฟนนับวันรอที่จะได้เป็นเจ้าของ iPhone 17 กันแล้ว ซึ่งในประเทศไทยจะเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าในวันที่ 12 ก.ย. เวลา 19.00 น. ก่อนจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 ก.ย. 2568

แน่นอนว่า หนึ่งในหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากกระแส iPhone 17 หนีไม่พ้นบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ซึ่งเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าไอทีครบวงจรในประเทศไทย และเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ชั้นนำมากมาย เช่น Apple, Acer, Nintendo, Lexmark และ HUAWEI โดยมีการกระจายสินค้าผ่านเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายกว่า 6,000 แห่งทั่วประเทศ และมีบริการหลังการขายภายใต้สัญลักษณ์ “Trusted by Synnex”

เท่ากับว่า ที่เห็นผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 เติบโตดีแล้ว โดยมีรายได้จากการขายและให้บริการ 22,814 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 378 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลงานในไตรมาส 3/2568 ก็น่าจะเติบโตได้ต่อ ได้แรงหนุนจากยอดขาย iPhone 17 และการเปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ของค่ายต่าง ๆ

สอดคล้องกับมุมมองของ บล.เคจีไอ ที่ระบุว่า ยอดขายยังคงแข็งแกร่ง โดยโมเมนตัมการเติบโตใกล้เคียงกับในช่วงครึ่งปีแรกที่ 17% ผู้บริหารคาดว่ายอดขายจะยังคงแข็งแกร่งในครึ่งหลังของปีนี้จากทุกกลุ่มธุรกิจ เนื่องจาก 1) เข้าสู่ฤดูกาลของการออก smartphone รุ่นใหม่ 2) คาดว่าจะมีการเร่งดำเนินโครงการภาครัฐ 3) การตอบรับในเชิงบวกต่อ Nintendo switch 2 หลังจากที่ขายได้แล้ว 10,000 เครื่องในไตรมาส 2/2568 (ตั้งเป้าไว้ที่ 100,000 เครื่องภายในปี 2568) และ 4) การเปลี่ยนเครื่อง PC ในภาคเอกชน

ทั้งนี้ เนื่องจากโมเมนตัมยอดขายจากต้นปีจนถึงปัจจุบันที่แข็งแกร่ง และในช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วงที่มักจะดีตามฤดูกาล จึงมองว่ายอดขายของบริษัทน่าจะโตได้ตามเป้าของผู้บริหารที่ตั้งไว้ในช่วง 10-15% (เราใช้สมมติฐานอัตราการเติบโตของยอดขายปี 2568 ที่ 11%)

ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดปี 2568-2570 กำไรโตเฉลี่ย 11% (CAGR) หนุนด้วยรายได้โตเฉลี่ย 10% CAGR โดยในปี 2568 คาดกำไรหลักแตะ 651 ล้านบาท โต 14% จากรายได้โตแข็งแกร่ง 14.3% โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจาก Apple และ Smartphone และ Gaming จากการเปิดตัว Nintendo Switch 2 แม้ประเมินอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) อาจอ่อนลงเหลือ 3.8% (เทียบกับ 4% ในปี 2567) แต่การควบคุมต้นทุน, scale leverage และส่วนแบ่งกำไรจาก NCAP (สัดส่วนถือหุ้น 26.98%) ที่เพิ่มขึ้นช่วยหนุน core margin ให้เพิ่มขึ้นเป็น 1.4% ในปี 2568

ทั้งนี้ มองการเติบโตระยะยาวของ SYNEX ได้แรงหนุนจากธุรกิจใหม่และการยอมรับเทคโนโลยี เช่น Cloud services ผ่าน AWS ที่ bundled เข้ากับพอร์ต B2B รวมถึงโอกาสใหม่ใน AI enabled devices และบริการต่าง ๆ

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น SYNEX ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 15.01 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 16.73 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายต่ำกว่าตลาด อย่างไรก็ตาม ถ้าดู P/BV ที่ระดับ 2.32 เท่า ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.21 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 14.21 บาท จากราคาต่ำสุด 13.00 บาท และราคาสูงสุด 16.00 บาท

Back to top button