
“พงศ์ภัทร” มอง SET แกว่งตัวขึ้น เก็งเฟดลดดอกเบี้ย-นโยบายรัฐหนุน
“พงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์” มอง SET แกว่งตัวขึ้น เก็งเฟดลดดอกเบี้ย-นโยบายรัฐหนุน แนะลงทุน 2 ธีมเด่น ได้แก่ กลุ่มบริโภค–ท่องเที่ยว–วัสดุก่อสร้าง รับอานิสงส์นโยบายรัฐบาลใหม่ และกลุ่มอสังหาฯ-REITs–การเงิน–โรงไฟฟ้า รับแรงหนุนดอกเบี้ยขาลง พร้อมแนะเก็งกำไรระยะสั้นหุ้นได้ประโยชน์น้ำท่วม
นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ นักกลยุทธ์การลงทุน Research Department, InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (15 ก.ย.2568) ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยดัชนีมีโอกาสแตะทดสอบระดับ 1,300 จุดในสัปดาห์ก่อนถือเป็นสัญญาณบวก แม้จะยังไม่สามารถผ่านได้ในครั้งแรก แต่ภาพรวมยังคงเป็นแนวโน้มเชิงบว ดังนั้นสัญญาณทั้งจากภายในและภายนอกยังค่อนข้างดีและตลาดมีลักษณะของการแกว่งตัวขึ้น
สำหรับปัจจัยหนุนจากต่างประเทศตลาดได้ซึมซับประเด็นเรื่องการลดดอกเบี้ยมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว โดยคาดว่าการลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนจะไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ สิ่งที่ตลาดจับตาดูคือ “Dot Plot” ของ Fed ที่จะแสดงทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้และต้นปีหน้า ว่าจะลดดอกเบี้ยได้อีกกี่ครั้งหรือกี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมุมมอง InnovestX คาดว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้ และจะลดรวมประมาณ 1% ภายในปีหน้า
ส่วนปัจจัยในประเทศ ยังต้องติดตามการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีและการแถลงนโยบายต่อสภา ซึ่งตลาดคาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง “ฮันนีมูนพีเรียด” ของรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะมาตรการคนละครึ่ง การส่งเสริมการท่องเที่ยว และโครงการเมกะโปรเจกต์ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) แม้ยังไม่แน่ชัดว่าจะดำเนินการได้ทันภายใน 4 เดือนแรก ขณะเดียวกัน กนง. มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามเฟด เพื่อสอดคล้องกับทิศทางโลก และป้องกันไม่ให้เงินบาทแข็งค่ามากเกินไป ภายใต้ภาวะเงินเฟ้อทั่วไปที่ติดลบ
ทั้งนี้จากปัจจัยดังกล่าวแม้ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ แต่ตลาดหุ้นไทยยังให้ผลตอบแทน Year-to-Date ติดลบ 7.6% ขณะที่ตลาดหุ้นโลกเฉลี่ยบวกแล้วราว 10% สะท้อนถึงอัพไซด์ที่ยังเหลืออยู่ โดยเฉพาะในช่วงวัฏจักรการลดดอกเบี้ยที่จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและกระตุ้นกระแสเงินทุนไหลเข้าประเทศ ทั้งนี้ Invest X ประเมินเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยในปีหน้าไว้ที่ระดับ 1,350–1,400 จุด อิงกับการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนราว 6–7%
สำหรับกลยุทธ์และธีมการลงทุนที่น่าสนใจแนะนำ 2 ธีมหลัก
1.ธีมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ได้แก่ ธีมการบริโภคภายในประเทศ อาทิ ค้าปลีก (เช่น CPALL,GLOBAL,HMPRO, เครื่องดื่ม, การท่องเที่ยว (คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการ “คนละครึ่ง”)
-การท่องเที่ยวเป็นโครงสร้างเศรษฐกิจหลักของไทย
-การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) แม้ 4 เดือนแรกของรัฐบาลอาจไม่ทัน แต่พรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องอาจมีนโยบายหนุน FDI ซึ่งจะเชื่อมโยงกับกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม
– โครงสร้างพื้นฐาน (Mega Project/Infrastructure): หุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง (เช่น SCC SCCC) จะได้รับประโยชน์
2.ธีมการลดอัตราดอกเบี้ยจากเฟด และแนวโน้มกนง. มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามเฟด เพื่อสอดคล้องกับทิศทางโลก และป้องกันไม่ให้เงินบาทแข็งค่ามากเกินไป ภายใต้ภาวะเงินเฟ้อทั่วไปที่ติดลบกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์ ได้แก่
-กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น (AP SIRI) ส่วน REITs/กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน แนะนำ DIF
-กลุ่มการเงิน (เช่น MTC)
-กลุ่มโรงไฟฟ้า (เช่น GPSC, BCPC,)
3.ธีม Trading ระยะสั้นๆจากความระมัดระวังเรื่องน้ำท่วม เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนปัจจุบันใกล้เคียงกับปี 2554 (76% เทียบกับ 78%) แม้ปริมาณน้ำฝนปัจจุบันจะยังไม่มาก แต่หากมีพายุเข้าเพิ่ม อาจเป็นความเสี่ยงที่ต้องติดตามหุ้นที่มักได้ประโยชน์คือกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมสร้าง เช่น TASCO, HMPRO และ GLOBAL
