EA-NEX บวกต่อ เก็งกำไรชิงเมล์อีวี 1,520 คัน จ่อประมูล ต.ค.นี้

EA-NEX บวกต่อ รับข่าวขสมก.เตรียมประกาศ TOR รถเมล์ปรับอากาศอีวี 1,520 คัน วันที่ 18 ก.ย.นี้ ก่อนประมูลเดือนตุลาคม มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท เซ็นสัญญาต้นปี’69 พร้อมจัดหาเพิ่มอีก 1,500 คัน รูปแบบ PPP รวม 3,000 คันต่อเนื่อง ฟาก “พลังงานบริสุทธิ์” เร่งเคลียร์สต๊อกรถหัวลาก 2,300 ล้านบาทเสร็จสิ้นภายในปีนี้ มั่นใจมีศักยภาพผลิตรถเมล์อีวีป้อน ขสมก.แน่นอน


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (16 ก.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ณ เวลา 14:52 น. อยู่ที่ระดับ 3.06 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 2.68% สูงสุดที่ระดับ 3.08 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.94 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 480.42 ล้านบาท

บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ณ เวลา 14:53 น. ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 1.25 บาท บวก 0.03 บาท หรือ 2.46% สูงสุดที่ระดับ 1.27 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.14 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 131.70 ล้านบาท

ด้านนายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า โครงการเช่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (รถเมล์ EV) 1,520 คัน ของ ขสมก.คาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ภายในเดือนตุลาคมนี้

“การเปลี่ยนผ่านสู่ EV ของ ขสมก.มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนรถโดยสารทุกคันเป็นรถเมล์ EV โดยเริ่มต้นที่ 1,520 คัน และมีเป้าหมายรวม 3,000 คัน” ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าว

สำหรับรูปแบบการจัดหาล็อตแรก 1,520 คัน โดยขอเงินสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อเช่ารถ ส่วนโครงการต่อไปจะเป็นรูปแบบ PPP (Public-Private Partnership) ขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้อยู่

ขณะที่ความคืบหน้าและกำหนดการประมูลรถเมล์ปรับอากาศอีวี คณะกรรมการกำลังดำเนินการร่าง TOR (Terms of Reference) คาดว่าจะมีการประชุมสรุปครั้งสุดท้ายวันที่ 18 กันยายนนี้ หลังจากคณะกรรมการประชุมสรุปแล้ว TOR จะถูกนำขึ้นเว็บไซต์เพื่อรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) เป็นเวลาอย่างน้อย 7 วันก่อนประกาศประกวดราคา หากไม่มีผู้มาวิจารณ์ TOR จะสามารถประกาศประกวดราคาได้ทันที

ทั้งนี้คาดการณ์ช่วงเวลาการประกวดราคาน่าจะเริ่มประมาณเดือนตุลาคม ส่วนการลงนามสัญญาคาดว่าจะทราบผู้ชนะและสามารถลงนามสัญญาภายใน 4 เดือน หลังเปิดประมูล และการส่งมอบรถเมล์อีวีปรับอากาศ ผู้ชนะการประมูลต้องเริ่มทยอยส่งมอบรถประมาณปลายปี 2569

ด้านรายละเอียดและเงื่อนไขสำคัญ การบำรุงรักษา ผู้ชนะการประมูลจะต้องรับผิดชอบค่าซ่อมและบำรุงรักษารถด้วย ส่วนความเป็นเจ้าของรถ 1,520 คันแรกตามกรอบใหญ่ในปัจจุบัน รถยังคงเป็นของผู้จัดหา (ผู้ให้เช่า) อย่างไรก็ตาม ขสมก.กำหนดเงื่อนไขไว้ในสัญญาว่าหากประเมินแล้วเทคโนโลยีและรถยังสามารถใช้งานได้ดี ขสมก.ขอสิทธิ์ในการเป็นผู้เจรจาซื้อ หรือขอเป็นเจ้าของเป็นรายแรก (First Right) ส่วนเงื่อนไขเรื่องสัดส่วนการผลิตในประเทศ (Local Content) ตามที่ ครม.เห็นชอบ รายละเอียดที่ชัดเจนจะอยู่ใน TOR

ด้านผลตอบแทนและเป้าหมายทางการเงิน คาดว่า EBITDA จะแตะระดับศูนย์ประมาณปี 2573-2575 เงื่อนไขสำคัญ คือ การบรรลุเป้าหมายนี้ขึ้นอยู่กับโครงการ PPP ที่กำลังศึกษาอยู่ หากโครงการ PPP ไม่ได้ตามแผน อาจทำให้การบรรลุจุดคุ้มทุนล่าช้าออกไป โดยประโยชน์ของรถเมล์ปรับอากาศ EV จะช่วยลดต้นทุนได้มาก ทั้งค่าเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษา

:EA พร้อมชิงรถเมล์อีวี

แหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ล่าสุด ขสมก.ได้มีการสืบราคากลางรถเมล์ปรับอากาศอีวีเสร็จสิ้นแล้วจากผู้ประกอบการที่คาดว่าจะเข้าร่วมประกวดราคาใครั้งนี้ประมาณ 10 ราย โดยผู้เข้าร่วมประมูลรายใหญ่ที่ต้องจับตาในครั้งนี้ คือ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เนื่องจากมีความพร้อมในการผลิตเมล์อีวีค่อนข้างมาก จากปัจจุบันที่ผลิตส่งมอบรถเมล์อีวีปรับอากาศให้กับ บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด นับเป็นพันคัน

“สายการผลิตขณะนี้ของ EA ยังหยุดดำเนินการอยู่ แต่สามารถเริ่มผลิตรถใหม่ได้ทันทีหากชนะการประมูลรถเมล์อีวีครั้งนี้ โดยจะเป็นการผลิตใหม่ทั้งหมด 1,520 คัน เนื่องจากสเปครถระบุความยาว 11 เมตร โดยรถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาดที่จะส่งมอบให้ ขสมก.จะเป็นรถที่ผลิตภายในประเทศทั้งหมด ไม่สามารถนำเข้าจากต่างประเทศ”

ทั้งนี้ EA มีแผนเคลียร์สต๊อกรถหัวลากจำนวน 600 คันภายในปีนี้ ราคาประมาณ 3.89 ล้านบาทต่อคัน รวมมูลค่า 2,300 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ EA ขอขยายเวลาครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ และแบ่งชำระคืนเงินต้นหุ้นกู้ 14 รุ่น เจ้าหนี้อนุมัติไปแล้ว 11 รุ่น และเดือนนี้จะได้ข้อสรุปอีก 1 รุ่น ที่เจ้าหนี้เป็นสถาบันเพียงรายเดียว ส่วนอีก 2 รุ่น ยังเหลือเวลาให้เจรจากันอีกนาน เพราะยังไม่ครบอายุไถ่ถอน ส่งผลให้ปัจจุบัน EA มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้รับเงินกู้จากสถาบันการเงินที่ผ่านมา

ทั้งนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2568  อนุมัติให้ ขสมก. ดำเนินโครงการเช่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) จำนวน 1,520 คัน ระยะเวลา 7 ปี ซึ่งมีความพร้อมในการดำเนินการในขณะนี้ในกรอบวงเงินลงทุนโครงการ 15,355.60 ล้านบาท และให้ ขสมก. เป็นผู้บริหารโครงการ โดยใช้งบประมาณรายจ่ายปี พ.ศ. 2568–2575

สำหรับโครงการเช่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) จำนวน 1,520 คัน มีสาระสำคัญสรุป ดังนี้  1) วงเงินโครงการ 15,355.60 ล้านบาท เช่น ค่าเช่าตัวรถ 10,134.70 ล้านบาท ค่าซ่อมบำรุงรถ 3,240.03 ล้านบาท ค่าเช่าสถานีอัดประจุไฟฟ้า 967.40 ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณปี 2568 ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วจำนวน 368.40 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจำนวน 14,987.20 ล้านบาท ผูกพันงบประมาณปี 2569-2574

2) ระยะเวลาโครงการ 7 ปี  3) ประมาณการรายได้ 52,654.19 ล้านบาท เช่น รายได้ค่าโดยสาร รายได้โฆษณา 4) ประมาณการค่าใช้จ่าย 32,798.54 ล้านบาท เช่น ค่าเช่ารถโดยสารปรับอากาศพลังงานสะอาด ค่าเช่าตู้ชาร์จพลังงานไฟฟ้า ค่าเช่าพื้นที่จอดและชาร์จไฟรถโดยสารบางแห่ง 5) โครงการมีกำไรสุทธิตลอดระยะเวลาโครงการเท่ากับ 19,855.64 ล้านบาท

Back to top button