MILL เพิ่มทุน PP ให้ “อินดัสเตรียลล์ฯ -วรพจน์” มูลค่า 63 ล้านบาท เสริมสภาพคล่อง

บอร์ด MILL เคาะขายหุ้นเพิ่มทุน PP จำนวน 790 ล้านหุ้น ให้ “อินดัสเตรียลล์ เบเทลิกุง-วรพจน์ อำนวยพล” ราคาหุ้นละ 0.08 บาทต่อหุ้น ระดมทุน 63.20 ล้านบาท ใช้เป็นทุนหมุนเวียน-ปรับเครื่องจักร กำหนดชำระค่าหุ้น 17–24 ก.ย. 68


บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้จัดให้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี2568เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ที่ประชุมได้รับอนุมัติจากมติให้ทำการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวนไม่เกิน 2,377,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ0.40 บาท (สี่สิบสตางค์) โดยจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่เป็นจํานวนไม่เกิน 792,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.40 บาท คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 10 ของทุนชำระแล้วเพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด(Private Placement: PP) โดยราคาขายไม่ต่ำกว่า 0.01 บาท ในราคาไม่ต่ำกว่าราคาร้อยละ 90 ของราคาตลาดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักต่อหุ้นของหุ้นสามัญของบริษัท

ทั้งนี้ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 5/2568 เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 มีมติอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวน 790,000,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 0.08 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 14 วันทำการล่าสุด ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม –15 กันยายน 2568 ซึ่งเท่ากับหุ้นละ 0.07 บาท ดังนั้นราคาเสนอขายข้างต้นจึงเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาดตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน

สำหรับผู้ได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวน 790,000,000 หุ้น ประกอบด้วย บริษัท อินดัสเตรียล เบเทลิกุง (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 430,000,000 หุ้น สัดส่วน 4.93% ต่อทุนชำระแล้วหลังเพิ่มทุน และนายวรพจน์ อำนวยพล จำนวน 360,000,000 หุ้น สัดส่วน 4.13% ต่อทุนชำระแล้วหลังเพิ่มทุน โดยทั้ง 2 รายไม่มีความเกี่ยวโยงกับบริษัท โดยกำหนดระยะเวลาชำระค่าหุ้นระหว่างวันที่ 17–24 กันยายน 2568

ทั้งนี้การเพิ่มทุนดังกล่าวจะทำให้สิทธิการออกเสียงของผู้ถือหุ้นเดิมลดลงร้อยละ 9.06 แต่ไม่มีผลกระทบด้านราคาหุ้นในตลาด เนื่องจากเสนอขายสูงกว่าราคาตลาด ขณะที่บริษัทไม่สามารถคำนวณ EPS Dilution ได้จากภาวะผลประกอบการยังขาดทุนสุทธิในรอบ 12 เดือนล่าสุด

โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับเงินจากการเพิ่มทุนราว 63.20 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อกลับมาผลิต ช่วยเสริมสภาพคล่องและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในอนาคต โดยหลังเพิ่มทุนยังคงมีนายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 23.45% จากเดิม 25.79%

Back to top button