SET จับตา! แถลงนโยบาย “อนุทิน” ชี้ชะตาเศรษฐกิจ–ฟันด์โฟลว์ ก่อนยุบสภา

ทุกสายตาในตลาดทุนจับจ้องการแถลงนโยบายของรัฐบาล “อนุทิน ชาญวีรกูล” ในสัปดาห์นี้ ซึ่งถือเป็นบทพิสูจน์สำคัญที่จะกำหนดทิศทางเศรษฐกิจ และชี้วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการยุบสภา คำถามสำคัญคือ นโยบายเร่งด่วนในกรอบเวลาจำกัดเพียง 4 เดือนนี้ จะมีพลังมากพอสร้างแรงส่งให้ตลาดหุ้นไทยทะยานขึ้นได้หรือไม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารคำแถลงนโยบายของรัฐบาล “อนุทิน ชาญวีรกูล” ที่จะชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 29–30 กันยายน 2568 มีความยาวเพียง 7 หน้า (ไม่รวมภาคผนวก) ถือว่าสั้นกว่ารัฐบาลชุดก่อนหน้าที่ต้องแจกแจงทั้งนโยบายเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว

โดยคราวนี้มุ่งเฉพาะ “นโยบายเร่งด่วน” ภายในกรอบเวลา 4 เดือน หลังจากที่นายกรัฐมนตรีประกาศภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษเมื่อวันที่ 24 กันยายน ว่าจะยุบสภาภายในสิ้นเดือนมกราคม 2569 เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ในเดือนมีนาคม หรือต้นเดือนเมษายน 2569

ในคำแถลงนโยบายที่แจกจ่ายถึงสื่อมวลชน รัฐบาลกำหนดกรอบ 5 ด้าน รวม 15 เรื่อง ได้แก่ 1. ด้านเศรษฐกิจ 2. ด้านความมั่นคง 3. ด้านสังคม 4. ด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ 5. ด้านการบริหารภาครัฐและการปฏิรูปกฎหมาย

ทั้งนี้ ด้านเศรษฐกิจถูกจับตามากที่สุด ครอบคลุม 5 นโยบายสำคัญ ได้แก่

  1. สร้างรายได้–ลดรายจ่าย ผ่านโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เพื่อลดค่าครองชีพ ทั้งการจับจ่ายสินค้า ค่าโดยสารและค่าผ่านทาง ควบคู่กับการดูแลราคาสินค้าเกษตร และสนับสนุนพ่อค้าแม่ขายรายย่อย–เกษตรกร ด้วยการ Reskill และ Upskill และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงการผลักดันพลังงานแสงอาทิตย์ระดับครัวเรือน “โซลาร์ชุมชน”
  2. แก้หนี้–เพิ่มสภาพคล่อง ช่วยหนี้ประชาชนไม่เกิน 1 แสนบาท เพิ่มสภาพคล่อง SMEs ไม่เกิน 1 ล้านบาท สร้างระบบเข้าถึงแหล่งทุน และเปิดโอกาส SMEs เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
  3. เพิ่มโอกาสการออม เปิดสิทธิให้ประชาชนเข้าถึงพันธบัตรรัฐบาลสะดวกขึ้น และพัฒนาสลากออมรูปแบบใหม่
  4. ฟื้นความเชื่อมั่นการท่องเที่ยว ยกระดับมาตรการความปลอดภัย ปราบปรามการฉ้อโกง และกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ โดยเฉพาะเมืองรอง รวมถึงมาตรการภาษีเพื่อดึงดูดเอกชนปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว และการผลักดัน long stay
  5. รับมือสงครามการค้า จัดตั้ง “ทีมไทยแลนด์” เดินหน้าเจรจาการค้าเสรี เปิดตลาดใหม่หลายภูมิภาค ผลักดันไทยเข้าร่วม OECD เพื่อดึงดูดการลงทุน พร้อมดูแล SMEs–เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ และเสริมมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรที่เกิดจากการเผา

ด้านบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (KS) ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ (29 ก.ย.–3 ต.ค.) เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,245–1,270 จุด และแนวต้าน 1,300–1,315 จุด โดยมีปัจจัยสำคัญคือการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา

ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์ในตลาดมองว่า กลุ่มท่องเที่ยว–ค้าปลีก, พลังงาน–สาธารณูปโภค และธนาคาร–การเงิน มีโอกาสได้รับอานิสงส์โดยตรงจากนโยบายที่ประกาศออกมา

โดยมาตรการดึงนักท่องเที่ยวจีนและฟื้นกำลังซื้อในประเทศ ช่วยหนุนความเชื่อมั่นกลุ่มท่องเที่ยวและค้าปลีก ขณะที่ความคืบหน้านโยบายค่าไฟและพลังงานสะอาด เสริมแรงกลุ่มพลังงาน–สาธารณูปโภค ส่วนกลุ่มธนาคาร–การเงิน อาจได้แรงหนุนจากแนวทางแก้หนี้และการรักษาวินัยการคลังของรัฐบาล

อีกทั้งการเมืองยังคงเป็นตัวแปรสำคัญ เนื่องจากรัฐบาลอนุทินเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย และจำกัดกรอบเวลาเพียง 4 เดือนก่อนยุบสภา โดยนักลงทุนยังคง discount ความเสี่ยงทางการเมืองไว้ แม้นโยบายเศรษฐกิจเร่งด่วนจะช่วยสร้าง sentiment บวกในระยะสั้น

ประกอบกับเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 ก่อนหน้าการแถลงนโยบายเพียงไม่กี่วัน นายอนุทินได้เดินทางเยือนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อพบผู้บริหารและรับข้อเสนอจากสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) โดยนายกฯ ย้ำว่าตลาดทุนและเศรษฐกิจไทยต้องเดินคู่กัน พร้อมแสดงความคาดหวังว่าดัชนีหุ้นไทยจะ “พุ่งขึ้นเรื่อย ๆ”

สะท้อนว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศกับคืนมา ส่งผลให้ ณ วันดังกล่าว ดัชนีวิ่งรับขึ้นไปปิดที่ระดับ 1,288.26 จุด บวกไป 9.85 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 35,348.54 ล้านบาท

ดังนั้น การแถลงนโยบายในสัปดาห์นี้ จึงเป็นปัจจัยหลักที่นักลงทุนจับตา โดยธีมนโยบายเศรษฐกิจอาจช่วยหนุนหุ้นบางกลุ่มให้เคลื่อนไหวได้เด่นในระยะสั้น แต่เสถียรภาพทางการเมืองยังคงเป็นปัจจัยชี้ทิศทางตลาดในช่วงไตรมาส 4 และก่อนการเลือกตั้งใหม่ต้นปี 2569

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

“อนุทิน” จี้ ก.ล.ต.–ตลท. ต้องเข้ม แก้ทุจริตบจ. ฟื้นเชื่อมั่นนักลงทุน

Back to top button