
“อนุทิน” จี้ ก.ล.ต.–ตลท. ต้องเข้ม แก้ทุจริตบจ. ฟื้นเชื่อมั่นนักลงทุน
นายกฯ “อนุทิน” ชี้ปัญหาทุจริตบริษัทจดทะเบียน ก.ล.ต.–ตลท. ต้องกำกับเข้ม โดยเฉพาะขึ้นทะเบียนผู้สอบบัญชี ยืนยันรัฐบาลใช้เวลา 4 เดือนปรับกฎระเบียบ–ปลดล็อกอุปสรรค สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน หวังดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ก.ย.68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำทีมเศรษฐกิจรัฐบาล ประกอบด้วย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ประชุมหารือเพื่อรับฟังข้อเสนอแนะด้านการปฏิรูปเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
พร้อมมีสมาคมตลาดทุนต่าง ๆ เข้าร่วมประชุมด้วย อาทิ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นำเสนอประเด็นการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ การปฏิรูปตลาดทุน และการปรับโครงสร้างภาษีอากรของประเทศ ขณะที่สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เสนอ “มาตรการ quick-big win” 4 ด้าน ได้แก่ 1. การสร้างความเชื่อมั่นด้วยนโยบายภาครัฐและการสื่อสารเชิงรุก โปรโมท Thailand story อย่างต่อเนื่อง 2. การพัฒนาเครื่องยนต์เศรษฐกิจยุคใหม่ผ่านกลไกตลาดทุน 3. การเพิ่มสภาพคล่องระยะยาวในตลาดทุนไทย และ 4. การผลักดันอนาคตไทยที่ยั่งยืน เช่น การ upskill-reskill แรงงาน การปราบปรามการหลอกลวงการลงทุน และการลดกฎระเบียบที่เป็นภาระอุปสรรค
นายอนุทิน กล่าวถึงมาตรการของรัฐบาลต่อกรณีปัญหาทุจริตบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นไทยว่า สำนักงาน ก.ล.ต. และตลท. ต้องเข้ามากำกับดูแลอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการขึ้นทะเบียนผู้สอบบัญชีที่ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงกระทบจากกรณีทุจริตในบริษัทจดทะเบียนหลายกรณี อาทิ บริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK และ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน และถูกจับตาว่า เป็นความท้าทายสำคัญที่รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลต้องเร่งแก้ไข
เมื่อถูกถามว่า ภายในระยะเวลา 4 เดือนของรัฐบาลจะสามารถผลักดันตลาดหุ้นไทยให้ฟื้นตัวได้มากน้อยเพียงใด นายอนุทิน ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “พูดไปเดี๋ยวหุ้นขึ้น” พร้อมพยักหน้ารับว่าตนก็อยากให้หุ้นขึ้น
ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ดำเนินการแก้ไขหรือตรากฎหมายใหม่ เนื่องจากข้อจำกัดด้านเวลา แต่จะใช้วิธีปรับในสิ่งที่มีอยู่โดยอาศัยกลไกกฎกระทรวงและประกาศต่าง ๆ ที่สามารถดำเนินการได้ทันที เพื่อแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ
“เราจะไม่แตะเรื่องแก้กฎหมายผ่านสภา แต่จะใช้กลไกที่มีอยู่เพื่อทะลวงบล็อกให้ระบบเดินหน้าได้ หรือเปรียบเสมือนการ “กระทุ้ง” บอลลูนให้โฟลว์ ผมเชื่อว่า 4 เดือนนี้เพียงพอที่จะปูรากฐานที่ดี และต่อเนื่องไปยังรัฐบาลชุดต่อไป” นายอนุทินกล่าว
นายอนุทิน ยังระบุว่า ตลาดทุนและเศรษฐกิจไทยเป็นสิ่งที่ต้องเดินคู่กัน และคาดหวังว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย “พุ่งขึ้นเรื่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ” เพราะรัฐบาลมีทีมเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง พร้อมสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และว่า การลงทุนไม่ใช่การดูข้อมูลในอดีตเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูจากการกระทำที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งสะท้อนศักยภาพในอนาคต
“การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง แต่ว่าทำอย่างไรที่ความเสี่ยงนั้นเป็นความเสี่ยงที่คำนวณได้ และสามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งที่ผ่านมา ตรงนี้มันขาดหายไปเพราะทิศทางไม่ชัดเจนแต่วันนี้ รัฐบาลชุดนี้ด้วยเวลาจะกี่เดือนก็แล้วแต่ ถ้าเราสามารถสร้างความชัดเจนได้ เราก็เชื่อมั่นว่า ความมั่นใจก็จะกลับคืนมาสู่ตลาดทุนของประเทศไทย” นายอนุทิน กล่าว