BBIK บวก 6% โบรกแนะ “ซื้อ” ลุ้นกำไรปี 68 โตต่อเนื่อง รับ Virtual Bank–AI หนุน

BBIK บวก 6% หลังบล.เมย์แบงก์ คงคำแนะนำ “ซื้อ” มองกำไรหลักปี 68–69 โตแข็งแกร่ง รับอานิสงส์โครงการ Virtual Bank, AI และการใช้บุคลากรสูงขึ้น พร้อมประเมิน P/E ต่ำสุดในกลุ่มเทคโนโลยี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 ก.ย. 68) ราคาหุ้น บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ณ เวลา 10:33 น. อยู่ที่ระดับ 23.10 บาท บวก 1.40 บาท หรือ 6.45% สูงสุดที่ระดับ 23.30 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 21.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 51.81 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่ายังคงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น BBIK จากการคาดการณ์การเติบโตของกำไรหลักปี 2568 อยู่ที่ 10% และในปี 2569 อยู่ที่ 14% ซึ่งได้รับแรงหนุนจาก 1) โครงการธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) และบริการที่เกี่ยวข้องกับ AI และ 2) อัตราการใช้บุคลากร (staff utilisation) ที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ หุ้น BBIK ซื้อขายที่ค่า P/E ปี 2568/2569 เพียง 13 เท่า / 11 เท่า ซึ่งต่ำที่สุดในกลุ่มบริการเทคโนโลยี โดยราคาเป้าหมายอิงวิธี DCF สิ้นปี 2569 ยังคงอยู่ที่ 28.20 บาท คิดเป็นค่า P/E ปี 2569 ที่ 15 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปีที่ 33 เท่า ราว 1.5 SD)

นอกจากนี้ คาดว่ากำไรหลักจะเติบโตจากไตรมาสก่อน ในช่วงไตรมาส 3–4/68 จากแรงหนุนของการได้รับงานโครงการใหม่ โดยกำไรในไตรมาส 4/68 น่าจะแข็งแกร่งกว่าไตรมาส 3/68 จากโครงการ Virtual Bank

ทั้งนี้ ประธานเจ้าหน้าที่การเงินยังมองว่า BBIK จะสามารถเซ็นสัญญาโครงการ Virtual Bank เพิ่มเติมได้ในช่วงต้นไตรมาส 4/68

สำหรับปี 2568 เราคาดว่ากำไรหลักจะเติบโต 10% จากการเติบโตของรายได้ 4% และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น โดยกำไรหลักจะเติบโตสูงกว่ารายได้ เนื่องจาก อัตราการใช้บุคลากรที่เพิ่มขึ้น และการควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้าน outsource และทีมงานต่างประเทศ

อีกทั้งคาดว่าการเติบโตของกำไรหลักจะเพิ่มขึ้นจาก 10% ในปี 2568 เป็น 14% ในปี 2569 ตามการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้น (4% ในปี 2568 เทียบกับ 9% ในปี 2569) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยับขึ้นเล็กน้อย (49.5% ในปี 2568 เทียบกับ 50.4% ในปี 2569)

ขณะเดียวกันคาดว่ารายได้จะฟื้นตัวในปี 2569 เนื่องจากในปี 2568 ได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าทั่วโลก (ระหว่างเดือนเมษายน–กรกฎาคม) และการเลื่อนโครงการของภาครัฐ (ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน)

อย่างไรก็ตาม เมื่อประเด็นภาษีของสหรัฐฯ เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น และรัฐบาลมีเสถียรภาพมากขึ้น จะเอื้อต่อการเปิดประมูลโครงการใหม่ในปี 2569

Back to top button