
SIRI ดีดบวก 2% หลังโชว์ยอดขาย 9 เดือนแรกพุ่งแตะ 3.9 หมื่นล้าน
SIRI ดีดบวก 2% หลังโชว์ 9 เดือนแรกของปีนี้ โกยยอดขาย 39,000 ล้านบาท เติบโต 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น 74% จากเป้าทั้งปีนี้ที่ตั้งไว้ 53,000 ล้านบาท ชูกลุ่มคอนโดมิเนียมเป็นแรงหนุนสำคัญ พร้อมตุนแบ็กล็อก 23,000 ล้านบาท บุ๊กปีนี้ 50% เร่งเครื่องไตรมาส 4/68 ลุยเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 18,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(2 ต.ค.68) ราคาหุ้นบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ณ เวลา 10:32 น. อยู่ที่ระดับ 1.47 บาท ราคต่ำสุด 1.44 บาท ราคาสูงสุด 1.47 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 12.51 ล้านบาท
นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน SIRI เปิดเผยว่า ยอดขาย (Presale) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทสามารถทำยอดขายได้ตามแผนงานที่ 39,000 ล้านบาท คิดเป็น 74% ของเป้ายอดขายรวมทั้งปี 2568 ที่ตั้งไว้ 53,000 ล้านบาท แม้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเผชิญความท้าทาย แต่บริษัทกลับสร้างยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกลุ่มคอนโดมิเนียมเป็นแรงหนุนสำคัญ จากการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ได้รับผลตอบรับดีเกินคาด
โดยความสำเร็จดังกล่าว สะท้อนจากกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมของโครงการที่เปิดขายในปัจจุบัน รวมถึงโครงการใหม่ที่เปิดเพิ่มเติมในไตรมาส 3/2568 ที่ผ่านมา โดยคอนโดมิเนียมเปิดใหม่อย่าง โรงการวาลเลส เฮาส์, โครงการ ไวด์เด็น บาย แสนสิริ และโครงการ เซลฟ์ บาย แสนสิริ ได้รับการตอบรับดีเกินคาด สามารถทำยอดขายรวมได้ถึง 3,400 ล้านบาท เช่นเดียวกับโครงการ เศรษฐสิริ เกาะแก้ว รีทรีต จ.ภูเก็ต ที่สร้างปรากฏการณ์สร้างยอดขายรอบ VVIP ไปกว่า 30% ของยูนิตทั้งหมดตั้งแต่ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ รวมถึงการขายบ้านตัวอย่าง ซึ่งสร้างยอดขายได้กว่า 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ นอกจากยอดขายที่เติบโตโดดเด่นแล้ว บริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) ที่ระดับสูงกว่า 23,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้เป็นรายได้ในปี 2568 ได้ถึงราว 50% โดยมีโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี เพื่อสนับสนุนการรับรู้รายได้ทันที 7 โครงการ มูลค่ารวม 9,600 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ เดอะ เบส เออร์เบิร์น พระราม 9 เป็นโครงการเปิดใหม่พร้อมอยู่, โครงการ โฟล บาย แสนสิริ, โครงการ ดีคอนโด คาล์ม รามคำแหง 40, โครงการ เดอะ มูฟ พอว์ บางแค, โครงการ แคนวาส เชิงทะเล ภูเก็ต, โครงการ เมคิน เฮาส์ เชียงใหม่ และโครงการ ดีคอนโด แคมปัส ขอนแก่น
ขณะที่ในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทสามารถปิดการขาย (Sold Out) โครงการไปแล้วถึง 19 โครงการ รวมมูลค่า 21,000 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 60% อยู่ในกลุ่มพรีเมียม และยังมีโครงการที่จ่อคิว Sold Out อีกกว่า 10 โครงการ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง
นายวิชาญ กล่าวอีกว่า ภายใต้ภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังอยู่ในภาวะชะลอตัวจากปัจจัยต่าง ๆ บริษัทยังคงดำเนินแผนธุรกิจด้วยความรัดกุมควบคู่ไปกับความพร้อมที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีการบริหารจัดการกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การปรับจำนวนบ้านพร้อมขายให้สอดคล้องกับอัตราการขายเพื่อบริหารกระแสเงินสดอย่างเหมาะสม และการกระจายพอร์ตสินค้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ปัจจุบันมีโครงการพร้อมขายกว่า 135 โครงการ และที่สำคัญยังให้ความสำคัญกับขยายโอกาสในการลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาโครงการร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม แม้จะต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายและความต้องการในตลาดที่ชะลอตัว แต่ด้วยความได้เปรียบด้านแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ฐานะทางการเงินที่มั่นคง การดำเนินงานเชิงรุก และเป็นผู้นำด้านดีไซน์ คุณภาพโครงการ และบริการหลังการขาย ตลอดจนสินค้าที่หลากหลาย คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ในไตรมาส 4/2568 บริษัทเตรียมเปิดตัว 7 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 18,000 ล้านบาท อาทิ โครงการ เศรษฐสิริ เกาะแก้ว รีทรีต, โครงการ บุราสิริ จตุโชติ, โครงการ สราญสิริ จตุโชติ และคอนโดมิเนียมใหม่บนทำเลกะทู้ ภูเก็ต เพื่อรองรับความต้องการในตลาดเมืองท่องเที่ยว เป็นต้น และเร็ว ๆ นี้ บริษัทเตรียมจะเผยโฉม Sansiri Community แห่งใหม่ที่จตุโชติ เพื่อหวังชิงเรียลดีมานด์กรุงเทพฯ โซนเหนือ บนพื้นที่ ขนาดใหญ่ 185 ไร่ กับ 2 โครงการแรก คือ โครงการ บุราสิริ จตุโชติ และโครงการสราญสิริ จตุโชติ เปิดพรีเซลพร้อมกันวันที่ 4-5 ตุลาคมนี้