
เงินเฟ้อ ก.ย. ลด 0.72% “พาณิชย์” ยันเศรษฐกิจแค่ชะลอ ไม่ถึงขั้นเงินฝืด
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือนกันยายน 2568 ลดลง 0.72% จากราคาพลังงานและอาหารสดที่ชะลอตัว ขณะดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ยังขยายตัว 0.65% สะท้อนดีมานด์ในประเทศยังมี พาณิชย์ย้ำเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะชะลอตัวพร้อมเงินเฟ้อต่ำ ไม่ถึงขั้นเงินฝืด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ต.ค.68) นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือนกันยายน 2568 อยู่ที่ 100.11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 100.84 ลดลง 0.72% สะท้อนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ชะลอลงต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหลักจากราคาพลังงานที่ลดลงตามทิศทางตลาดโลกและนโยบายภาครัฐ รวมถึงค่าไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลดลง ขณะที่กลุ่มอาหารสด เช่น ไข่ไก่ ผัก และผลไม้ มีราคาต่ำกว่าปีก่อน
โดยจากการคำนวณสินค้า 464 รายการ พบว่ามีราคาสูงขึ้น 224 รายการ ลดลง 188 รายการ และทรงตัว 52 รายการ โดยหมวดสินค้าอื่นที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มลดลง 0.99% สินค้าที่ปรับลดลงสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดีเซล แก๊สโซฮอล์ ค่ากระแสไฟฟ้า แชมพู สบู่เหลว น้ำยารีดผ้า และผลิตภัณฑ์ซักผ้า ส่วนสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น อาทิ ค่าเช่าบ้าน และบริการแต่งผมชาย
ขณะที่หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลง 0.24% สินค้าหลักที่ลดลง ได้แก่ ข้าวสารเหนียว ไข่ไก่ และมะนาว ส่วนสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ ปลาช่อน ปลาทู กะทิสด ขนมหวาน และกาแฟสำเร็จรูป
เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (สิงหาคม 2568) ดัชนี CPI เดือนกันยายนลดลง 0.03% และเมื่อเฉลี่ย 9 เดือนแรกของปี (ม.ค.–ก.ย.68) อยู่ที่ 100.31 ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 100.32 หรือราว 0.01%
นายนันทพงษ์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในไตรมาส 4/2568 คาดว่าจะอยู่ใกล้ระดับศูนย์ โดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบดูไบที่ลดลงจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC+) เดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตต่อเนื่อง ประกอบกับมาตรการภาครัฐช่วยลดภาระค่าครองชีพ เช่น การปรับลดค่าไฟฟ้า (Ft) งวด ก.ย.–ธ.ค. 2568 เหลือ 15.72 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยลดลงเหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย
สำหรับ ราคาผักสดและผลไม้สดอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อนมาก จากผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมากและฐานราคาปีก่อนที่สูง ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการยังจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อและการแข่งขันในตลาด
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่อาจหนุนให้เงินเฟ้อสูงขึ้นบางส่วน ได้แก่ ราคาสินค้าเกษตรและเครื่องประกอบอาหาร เช่น เนื้อสุกร มะขามเปียก กะทิสำเร็จรูป กาแฟ เกลือป่น และน้ำมันพืช ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงกว่าปีก่อน
กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปทั้งปี 2568 จะอยู่ที่ ราว 0.0% โดยอิงจากสมมติฐานเศรษฐกิจไทยเติบโต 1.8–2.3%, ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 63–73 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยทั้งปีที่ 32.58–33.50 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือนกันยายน 2568 อยู่ที่ 101.46 ลดลงเล็กน้อยจากเดือนสิงหาคมที่ 101.51 โดยขยายตัว 0.65% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ ลดลง 0.05% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ขณะที่ค่าเฉลี่ย 9 เดือน (ม.ค.–ก.ย.68) ขยายตัว 0.90% เมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรกของปี 2567 สะท้อนว่าแรงกดดันด้านราคาภายในประเทศยังอยู่ในระดับจำกัด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง “ภาวะเงินฝืด” ว่าต้องกังวลหรือไม่ หลังเงินเฟ้อไทยติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 นายนันทพงษ์ กล่าวว่า แม้ดัชนี CPI จะปรับลดลง แต่ Core CPI ยังบวก 0.65% หมายความว่าความต้องการซื้อในประเทศ (domestic demand) ยังมีอยู่ การจ้างงานยังคงทรงตัวไม่ได้ลดลง อีกทั้งแม้ GDP จะขยายตัวต่ำกว่าคาด แต่ยังคงเติบโตในแดนบวก จึงยังไม่พบสัญญาณของ “เงินฝืด” ที่แท้จริง โดยขณะนี้เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะ “ชะลอตัวพร้อมเงินเฟ้อต่ำ” ซึ่งควรติดตามอย่างใกล้ชิด