FTSE Russell อัปเกรด “เวียดนาม” สู่ตลาดเกิดใหม่ มีผล 21 ก.ย. 69

FTSE Russell ประกาศอัปเกรดสถานะเวียดนามจาก “ตลาดชายขอบ” เป็น “ตลาดเกิดใหม่” มีผลวันที่ 21 ก.ย. 69 นับเป็นก้าวสำคัญหลังรอคอยกว่า 6 ปี สะท้อนความก้าวหน้าของโครงสร้างตลาดทุน การปฏิรูปกฎระเบียบ และระบบซื้อขายใหม่ที่เพิ่มความโปร่งใส คาดดึงเงินลงทุนต่างชาติ 3.5–6 พันล้านดอลลาร์


สำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) รายงานวันนี้ (8 ต.ค.68) ว่า บริษัท FTSE Russell ประกาศปรับสถานะของประเทศ เวียดนาม จาก “ตลาดชายขอบ” (Frontier Market) ขึ้นเป็น “ตลาดเกิดใหม่ระดับรอง” (Secondary Emerging Market) โดยการปรับระดับดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 กันยายน 2569

การปรับระดับในครั้งนี้ ซึ่งมีขึ้นหลังจากที่ เวียดนามอยู่ในบัญชีเฝ้าติดตามของ FTSE Russell มานานกว่า 8 ปี จะทำให้เวียดนามก้าวขึ้นมาอยู่ในกลุ่มเดียวกับตลาดสำคัญในเอเชีย อาทิ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดยคาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วย ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ เข้าสู่ตลาดทุนเวียดนามในระยะต่อไป

ทั้งนี้ FTSE Russell ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังตลาดสหรัฐฯ ปิดการซื้อขาย โดยระบุว่า เวียดนามผ่านเกณฑ์ครบทั้ง 9 ข้อ ที่จำเป็นต่อการได้รับสถานะ “ตลาดเกิดใหม่ระดับรอง” (Secondary Emerging Market) ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เวียดนามผ่านการประเมิน ได้แก่ การยกเลิกข้อกำหนดการนำเงินเข้าล่วงหน้าสำหรับนักลงทุนสถาบันต่างชาติ และ การนำกระบวนการบริหารกรณีซื้อขายไม่สำเร็จ (Failed Trade Management Process) มาใช้ในระบบตลาดทุนอย่างเป็นทางการ

อย่างไรก็ตาม การปรับสถานะอย่างเป็นทางการยังขึ้นอยู่กับ การประเมินรอบกลาง ที่จะมีขึ้นในเดือน มีนาคม 2569 ซึ่ง FTSE Russell จะพิจารณาอีกครั้งว่า เวียดนามมีความคืบหน้าเพียงพอ ในการเปิดโอกาสให้ โบรกเกอร์ระดับโลกสามารถทำหน้าที่เป็นคู่สัญญาในประเทศ (local counterparty) ได้หรือไม่ โดย FTSE ระบุว่า ขั้นตอนดังกล่าว “มีความจำเป็นต่อการจำลองดัชนี (index replication)” และเพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนสถาบันระดับนานาชาติ

โดยขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผย รายละเอียดเกี่ยวกับกรอบระยะเวลา และ การจัดน้ำหนักลงทุน (investability weighting) ของหุ้นเวียดนามในการเข้าร่วม ชุดดัชนีตราสารทุนระดับโลกของ FTSE Russell โดยระบุว่า กำหนดการและสัดส่วนน้ำหนักการลงทุนจะประกาศให้ทราบในภายหลัง

แรงหนุนจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการเลื่อนระดับสถานะตลาด การปฏิรูปเชิงโครงสร้างที่เอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้ดัชนี VN ของเวียดนาม พุ่งขึ้นกว่า 33% นับตั้งแต่ต้นปี จนกลายเป็นหนึ่งใน ตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในเอเชียในปีนี้

ในการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ (6 ต.ค.68) ดัชนี VN Index ของเวียดนาม ปิดตลาดที่ระดับ 1,695.50 จุด ใกล้เคียงกับ จุดสูงสุดตลอดกาลที่ 1,696.29 จุด ซึ่งทำไว้ในช่วงต้นเดือนกันยายน สะท้อนแรงซื้ออย่างต่อเนื่องจากกระแสคาดการณ์เชิงบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดทุนเวียดนาม

ล่าสุดวันนี้ (8 ต.ค.68) ณ เวลา 09:37 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนี VN Index เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1,698.04 จุด เพิ่มขึ้น 12.52 จุด หรือ 0.74%

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จากธนาคาร HSBC ได้ออกคำเตือนเมื่อเดือนที่ผ่านมา ว่า โอกาสการปรับขึ้นของตลาดหุ้นเวียดนามอาจมีจำกัด หลังจากได้รับข่าวการอัปเกรดสถานะจาก FTSE Russell โดยระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่นักลงทุนบางส่วนจะเลือกขายทำกำไร หลังจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

Back to top button