“หุ้นแบงก์” วิ่ง! รับ กนง.คงดอกเบี้ย 1.5% โบรกแนะสอย KTB-SCB-KBANK

“4 แบงก์” วิ่งคึก! รับมติ กนง.คงดอกเบี้ย 1.50% โบรกชี้กดดันต่อดัชนีระยะสั้นจากความผิดหวังของนักลงทุน แต่เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะ KBANK, KTB และ SCB ที่คาดงบไตรมาส 3/68 โตต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ต.ค.68) ณ เวลา 14:22 น. ราคาหุ้น ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB อยู่ที่ระดับ 25 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 0.81% สูงสุดที่ระดับ 25.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 24.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 968.89 ล้านบาท

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB อยู่ที่ระดับ 129 บาท บวก 2 บาท หรือ 1.57% สูงสุดที่ระดับ 129.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 127 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 854.14 ล้านบาท

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK อยู่ที่ระดับ 167 บาท บวก 1 บาท หรือ 0.60% สูงสุดที่ระดับ 167 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 166 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 407.99 ล้านบาท

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL อยู่ที่ระดับ 149.50 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 0.34% สูงสุดที่ระดับ 150 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 148 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 383.38 ล้านบาท

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP อยู่ที่ระดับ 59.75 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.42% สูงสุดที่ระดับ 60 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 59.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 49.71 ล้านบาท

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยบทวิเคราะห์ภายหลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี ตามที่บริษัทคาดไว้ โดยระบุว่าผลการประชุมดังกล่าวอาจส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) มีโอกาสปรับตัวลดลงในระยะสั้น จากความผิดหวังของนักลงทุนที่คาดการณ์ว่ากนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1.25% ตามผลสำรวจของบลูมเบิร์กก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม ฟิลลิปมองว่าการคงอัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เนื่องจากไม่เพิ่มแรงกดดันต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อีกทั้งกลุ่มธนาคารยังมีความน่าสนใจในการเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 ซึ่งคาดว่ากำไรของกลุ่มจะเติบโต 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

นอกจากนี้ หุ้นธนาคารยังมีแนวโน้มได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ของรัฐบาล ซึ่งในช่วงการดำเนินโครงการ “คนละครึ่ง” เฟส 1-5 ที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มธนาคารมีผลตอบแทนเฉลี่ย 15.1% สูงกว่า SET Index ที่มีผลตอบแทนเฉลี่ย 6.9%

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ฟิลลิป แนะนำเก็งกำไรหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ที่คาดงบไตรมาส 3/68 แข็งแกร่งและมีสถิติผลตอบแทนเฉลี่ยดีกว่าตลาด โดยเฉพาะ KBANK ที่คาดกำไรขยายตัว 6.4% จากปีก่อน และมีผลตอบแทนเฉลี่ยจากโครงการคนละครึ่งที่ 20.6%, KTB ที่คาดกำไรเพิ่มขึ้น 12.4% จากปีก่อน และมีผลตอบแทนเฉลี่ย 13.2% และ SCB ที่คาดกำไรเติบโต 16.1% ซึ่งสูงสุดในกลุ่ม พร้อมผลตอบแทนเฉลี่ย 16.8%

ทั้งนี้ แม้ผลตอบแทนเฉลี่ยของ KTB จะต่ำกว่ากลุ่มธนาคารอื่น แต่ฟิลลิปมองว่า KTB เป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรงจากโครงการ “คนละครึ่ง” มากที่สุด เนื่องจากเป็นผู้ดำเนินการแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการใช้สิทธิของประชาชนในโครงการดังกล่าว

Back to top button