
A5 เปิดแบรนด์ใหม่ “Cinquième” กางแผน 3 ปี ลุยบ้านหรู 5 โครงการ มูลค่า 6.1 พันล้านบาท
A5 เปิดแบรนด์ใหม่ “Cinquième” Private Pool Villa กางแผน 3 ปี (69-71) เดินหน้าลุย 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 6,130 ล้านบาท ตอกย้ำศักยภาพผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ลักชัวรี
นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบ-แนวสูงระดับลักชัวรี เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเดินหน้ากางแผน 3 ปี (2569–2571) เปิดตัวโครงการแนวราบระดับลักชัวรีรวม 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 6,130 ล้านบาท เพื่อขยายฐานลูกค้าระดับบน และสร้างพอร์ตโครงการรวม 17 โครงการ มูลค่ากว่า 20,560 ล้านบาท ภายในปี 2571
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่า 436 ล้านบาท (ข้อมูลวันที่ 30 กันยายน 2568) ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/2568 เป็นต้นไป ท่ามกลางภาวะตลาดที่ยังท้าทาย สะท้อนถึงศักยภาพในการบริหารพอร์ตและความเชื่อมั่นจากกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์
สำหรับภาพรวมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาและเปิดขาย พบว่ามีทั้ง ลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในโซนตะวันออกของกรุงเทพฯ ได้แก่ ย่านกรุงเทพกรีฑาและบางนา ซึ่งได้รับความนิยมจาก ลูกค้าชาวจีนในสัดส่วนประมาณครึ่ง
ล่าสุดเตรียมต่อยอดความสำเร็จด้วยการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “Cinquième Krungthep Kreetha” (แซงเคียม กรุงเทพกรีฑา) Private Pool Villa ระดับลักชัวรี่
สำหรับโครงการ Cinquième Krungthep Kreetha (แซงเคียม กรุงเทพกรีฑา) มูลค่า 1,370 ล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลทองย่านกรุงเทพกรีฑา ซึ่งกำลังกลายเป็นทำเลศักยภาพของกลุ่มบ้านหรูระดับบน
นอกจากนี้ ในไตรมาส 4 บริษัทเตรียมเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในโครงการใหม่ ซึ่งมีบ้านพร้อมอยู่ 5 ยูนิต และบ้านตัวอย่าง 2 ยูนิต เพื่อเสริมรายได้ในช่วงปลายปี โดยโครงการดังกล่าวมีมูลค่ารวมประมาณ 1,300 ล้านบาท จากจำนวนยูนิตทั้งหมด 16 ยูนิต ปัจจุบันก่อสร้างแล้ว 7 ยูนิต และมีแผนสร้างเพิ่มอีก 9 ยูนิตภายในปีนี้
โดยโครงการเตรียม เปิด Pre-sale อย่างเป็นทางการพร้อมเปิดให้ชมบ้านตัวอย่างเป็นครั้งแรก วันที่ 18–19 ตุลาคมนี้ ราคาเริ่มต้น 65 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 68 รวมใกล้เคียงปีก่อนที่ 1,800 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงของการเร่งโอนกรรมสิทธิ์จาก 3 โครงการหลัก
ด้านแผนบริหารจัดการหุ้นกู้ โดยระบุว่าบริษัทมี กำหนดชำระคืนหุ้นกู้ มูลค่ารวมประมาณ 400–500 ล้านบาท ภายในปีนี้ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียม แหล่งเงินทุนไว้พร้อมแล้ว เพื่อรองรับการชำระคืนตามกำหนดโดยไม่กระทบต่อกระแสเงินสดหรือการดำเนินงานของบริษัท
นอกจากนี้ บริษัทเดินหน้าขยายการเติบโตสู่ ธุรกิจใหม่ (New Business) เพื่อสร้างสมดุลให้พอร์ตโฟลิโอและลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดอสังหาริมทรัพย์ พร้อมตั้งเป้าภายในช่วง 3 ปี (2569–2571) จะสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ให้มี สัดส่วนราว 25% ของรายได้รวม
บริษัทได้วางงบลงทุนเบื้องต้นไว้ที่ 500–600 ล้านบาท โดยเน้นลงทุนใน กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ และ ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) เช่น โรงแรม และคลังสินค้า (Warehouse) ซึ่งมีกระแสเงินสดสม่ำเสมอและโอกาสเติบโตในระยะยาว
ส่วนผลประกอบการครึ่งปีแรก 2568 บริษัทมีรายได้รวม 698.45 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 101.23 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 37.54% สะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนและความแข็งแกร่งของดีมานด์ในตลาดบ้านหรู ขณะที่ Interest Coverage Ratio อยู่ที่ 3.09 เท่า สูงกว่าข้อกำหนดขั้นต่ำ 2.50 เท่า แสดงถึงฐานะทางการเงินที่มั่นคง โดยมี Net IBD/E 1.00 เท่า และ DE Ratio 1.42 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับปลอดภัยต่อการเติบโตระยะยาว