
รู้ก่อนใช้! “คนละครึ่งพลัส” จ่ายอะไรได้บ้าง–ร้านแบบไหนร่วมโครงการ
“คนละครึ่งพลัส” เตรียมเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ระหว่างวันที่ 20–26 ต.ค.นี้ ก่อนเริ่มใช้สิทธิ์ตั้งแต่ 29 ต.ค.–31 ธ.ค.68 ล่าสุดเพจพรรคภูมิใจไทยเปิดข้อมูลครบ ทั้งหมวดใช้จ่ายและร้านค้าที่ร่วมโครงการ ครอบคลุมตั้งแต่อาหาร–บริการ–ขนส่งสาธารณะ ถึงวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 เพื่อเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี เตรียมเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ระหว่างวันที่ 20–26 ตุลาคม 2568 และสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2568 โดยผู้ได้รับสิทธิ์จะต้องเริ่มใช้สิทธิ์ครั้งแรก ภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 มิฉะนั้นสิทธิ์จะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ
ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก “พรรคภูมิใจไทย” ได้เผยแพร่รายละเอียดสิทธิ์การใช้จ่ายและประเภทของร้านค้าที่สามารถเข้าร่วมโครงการ โดยระบุว่า ประชาชนสามารถใช้สิทธิ์ซื้อสินค้าหรือบริการในหมวดต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม ทั้งในชีวิตประจำวันและบริการรายย่อยในชุมชน
ประเภทการใช้จ่ายที่ร่วมโครงการ
- อาหารและเครื่องดื่ม
- ของใช้และสินค้าทั่วไป
- บริการนวด สปา ทำเล็บ ทำผม
- ขนส่งมวลชนสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้าในเขตเมือง รถโดยสารประจำทาง รถไฟ และเรือโดยสาร
- ขนส่งสาธารณะไม่ใช่นิติบุคคล เช่น แท็กซี่ รถตู้ รถสองแถว รถจักรยานยนต์รับจ้าง และรถสามล้อถีบ
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้สิทธิ์ได้ผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการในร้านค้าที่เข้าร่วม โดยผู้ที่อยู่ในระบบภาษี รัฐจะสมทบ 2,400 บาท (60:40) ส่วนประชาชนที่ไม่อยู่ในระบบภาษี จะได้รับสิทธิ์ 2,000 บาท (50:50)
ร้านค้าที่สามารถเข้าร่วม “คนละครึ่งพลัส”
- ร้านค้าบุคคลธรรมดา
- นิติบุคคลขนาดเล็ก (Micro SME)
- วิสาหกิจชุมชน
- กองทุนหมู่บ้านและกองทุนชุมชนเมือง
- ผู้ประกอบการด้านขนส่งสาธารณะ
ทั้งนี้ ร้านค้าที่เคยถูกระงับสิทธิ หรือถูกเรียกเงินคืนจากโครงการของรัฐ จะไม่สามารถเข้าร่วมได้ เพื่อป้องกันความซ้ำซ้อนและรักษาความโปร่งใสในการดำเนินงาน
โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ถือเป็นการต่อยอดจากมาตรการ “คนละครึ่ง” เดิม โดยขยายสิทธิ์ให้ครอบคลุมบริการขนส่งและธุรกิจรายย่อยมากขึ้น เพื่อให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจฐานราก กระตุ้นกำลังซื้อของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ถึงโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ว่า เชื่อว่าในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ฐานรากขึ้นมา ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท เนื่องจากรัฐบาลใช้งบประมาณราว 44,000 ล้านบาท สำหรับโครงการนี้ และยังเติมเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีกกว่า 20,000 ล้านบาท คาดว่าจะเกิดการใช้จ่าย หมุนเวียนเม็ดเงิน และกระจายรายได้ในวงกว้าง สร้างแรงส่งต่อเนื่องให้เศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
เช็กเงื่อนไข “คนละครึ่งพลัส” ครม. ไฟเขียวงบ 4.4 หมื่นลบ. เปิดลงทะเบียน 20 ต.ค.นี้