เช็กเงื่อนไข “คนละครึ่งพลัส” ครม. ไฟเขียวงบ 4.4 หมื่นลบ. เปิดลงทะเบียน 20 ต.ค.นี้

ครม. เห็นชอบโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” วงเงินรวม 44,000 ล้านบาท เตรียมเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” วันที่ 20–26 ต.ค.นี้ เริ่มใช้สิทธิ 29 ต.ค.–31 ธ.ค.68 ครอบคลุมทั้งร้านค้าเดิม ร้านค้าใหม่ และบริการฟู้ดเดลิเวอรี่ ขณะที่ “เอกนิติ” ยืนยันไม่เก็บภาษีย้อนหลัง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 ต.ค.68) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน มีมติเห็นชอบโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” วงเงินรวม 44,000 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณปี 2569 แบ่งเป็น งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท และ งบกลาง (รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น) 19,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อและบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนในช่วงปลายปี

การแถลงข่าวจัดขึ้นที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำแถลง ร่วมด้วย นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง, นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

สรุป “คนละครึ่ง พลัส” สำหรับประชาชน

คุณสมบัติ
• สัญชาติไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
• ติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และเปิดใช้บริการ G-Wallet (สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยยืนยันตัวตน)

ขั้นตอนการลงทะเบียนและใช้สิทธิ

• ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ติดตั้งแอปฯ และเปิดใช้ G-Wallet ให้พร้อม
• ศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.คนละครึ่งพลัส.com
20–26 ต.ค.68 เปิดลงทะเบียนผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ระหว่างเวลา 06:00–22:00 น. ของทุกวัน
(ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค. จะมีแบนเนอร์ “คนละครึ่ง พลัส” ปรากฏในแอปฯ)
• ผู้ที่ ไม่เคยเข้าร่วม “คนละครึ่ง เฟส 5” ต้องลงทะเบียนใหม่และรอผลตรวจสอบข้อมูลภายใน 3 วัน
• ผู้ที่ เคยเข้าร่วมโครงการเดิม เมื่อกด “รับสิทธิ” ระบบจะแสดงผลว่าอยู่ในกลุ่มใด
– กลุ่มผู้มีรายได้ในระบบภาษี รับสิทธิ 2,400 บาท
– ประชาชนทั่วไป รับสิทธิ 2,000 บาท ตลอดโครงการ

การใช้สิทธิและระยะเวลาโครงการ

  • ระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่ 29 ต.ค. – 31 ธ.ค.68
  • 29 ต.ค.68 เริ่มใช้สิทธิวันแรกของโครงการ
  • ใช้ได้ ไม่เกิน 200 บาท/คน/วัน ผ่านร้านค้าที่เข้าร่วม
  • ต้อง เติมเงินเข้า G-Wallet ก่อนใช้สิทธิ
  • 11 พ.ย.68 ต้องใช้สิทธิครั้งแรก ภายในเวลา 23:00 น. เพื่อไม่ให้ถูกตัดสิทธิตามเงื่อนไข
  • 31 ธ.ค.68 สิ้นสุดโครงการ เวลา 23:00 น.

รายละเอียดสำหรับร้านค้าและผู้ประกอบการ

ร้านค้าเดิม

• ร้านค้าที่เคยเข้าร่วม “คนละครึ่ง เฟส 5” จะเห็นเมนู “คนละครึ่ง พลัส” ในแอป “ถุงเงิน” โดยอัตโนมัติ
• สามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่ 29 ต.ค.68 เป็นต้นไป

ร้านค้าใหม่และกลุ่มไมโครเอสเอ็มอี (Micro SME)

  • สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี
  • สมัครเข้าร่วมผ่านเว็บไซต์ www.ถุงเงินกรุงไทย.com
  • หากยังไม่มีบัญชีธนาคารกรุงไทย ต้องเปิดบัญชีก่อนสมัคร
  • เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.68 และเมื่อได้รับอนุมัติ เมนู “คนละครึ่ง พลัส” จะปรากฏในแอป “ถุงเงิน” เช่นเดียวกับร้านค้าเดิม

บริการฟู้ดเดลิเวอรี่

• เปิดให้บริการระหว่าง 7 พ.ย.–31 ธ.ค.68
• ประชาชนสามารถสั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ได้ในเวลา 06:00–21:00 น. ของทุกวัน
• ร้านค้าที่เข้าร่วมต้องสมัครเข้าระบบฟู้ดเดลิเวอรี่ในแอปฯ “ถุงเงิน” ให้สำเร็จก่อน
• สามารถผูกแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ได้ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.68 เวลา 06:00–23:00 น.
• เปิดเฉพาะ ร้านหมวดอาหารและเครื่องดื่ม เท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการสอบถามถึงความกังวลของผู้ประกอบการว่า การเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” อาจถูกนำข้อมูลไปใช้ด้านภาษี หรือเก็บภาษีย้อนหลังหรือไม่ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงว่า สิ่งที่จะทำให้ทุกคนมั่นใจได้คือ ข้อมูลจากโครงการนี้จะไม่ถูกส่งต่อให้กรมสรรพากร เป็นระบบปิดภายใน เพื่อให้ร้านค้าและผู้ประกอบการสบายใจในการเข้าร่วมโครงการ

คาดผลกระตุ้นเศรษฐกิจชัดเจนไตรมาส 4

นายเอกนิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการประเมินเบื้องต้น หากเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 มีแนวโน้มขยายตัวเพียง 0.3% โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างน้อยอีก 0.3% รวมกับมาตรการเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยรัฐบาลจะทยอยออกมาตรการ Quick Big Win ทุกสัปดาห์หน้า คาดว่าจะช่วยให้ GDP ไตรมาสสุดท้ายขยายตัวไม่ต่ำกว่า 1% และเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยไม่ติดหล่มแน่นอน

รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ระบุว่า มาตรการดังกล่าวใช้งบประมาณ 44,000 ล้านบาท โดยไม่ต้องกู้เพิ่ม คำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง และยังช่วยยกระดับทักษะทางดิจิทัลของผู้ค้ารายย่อย ผ่านการอบรมที่มีอยู่ในแอปฯ “ถุงเงิน”

ดูแลผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน–บัตรสวัสดิการ ครอบคลุมเกือบทั้งหมด

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลได้ดำเนินการ 2 โครงการควบคู่กัน ได้แก่ “คนละครึ่ง พลัส” และ “เติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” เพื่อให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม โดยจากการตรวจสอบพบว่า ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีจำนวนประมาณ 13.5 ล้านคน เมื่อรวมกับสิทธิในโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” อีก 20 ล้านคน รวมเป็น 33.5 ล้านสิทธิ ทั้งนี้ การมีสมาร์ทโฟนช่วยให้ระบบตรวจสอบได้รัดกุม ลดการทุจริต และทำให้โครงการเดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเดิม กว่า 1.4 ล้านราย และคาดว่าหลังเปิดรับร้านไมโครเอสเอ็มอีเพิ่มอีก 100,000 ราย จะทำให้มีร้านค้ารวมกว่า 1.5 ล้านราย โดยระบบยังคงจ่ายเงินส่วนสนับสนุน 50% ให้ร้านค้าในวันถัดไปเช่นเดิม

สำหรับผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนและไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ แต่สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่กระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาช่วยเหลือเป็นรายกรณี

นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเสริมว่า ผู้ที่ได้รับสิทธิจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะไม่ได้สิทธิในโครงการคนละครึ่ง พลัส เพื่อป้องกันการซ้ำซ้อนของสิทธิประโยชน์จากรัฐ

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เป็นนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 ก.ย.68 มีเป้าหมายกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานราก โดยภาครัฐร่วมจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าจำเป็น เพื่อเพิ่มอุปสงค์การบริโภคภายในประเทศ คาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 88,000 ล้านบาท และช่วยให้เศรษฐกิจปี 2568 ขยายตัวเพิ่มขึ้นราว 0.21–0.22% ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ยืนยันว่าได้ดำเนินการตามกฎหมายและหลักวินัยการเงินการคลังอย่างครบถ้วน

Back to top button