MMM เดินสาย “โรดโชว์” สร้างความเชื่อมั่น ก่อนลุยขาย “พีโอ” 64.2 ล้านหุ้นปีนี้

MMM เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน โชว์ศักยภาพโมเดลธุรกิจ “มินิมาร์ทอสังหาฯ” ครอบคลุมบริการที่ปรึกษางานขายโครงการ-บริหารงานขายโครงการ-บริหารงานขายแบบวางหลักประกันการซื้อ-ซื้อขายอสังหาฯ ผ่านเครือข่ายนายหน้าอิสระ เตรียมพร้อมก่อนขายหุ้น PO 64.2 ล้านหุ้น นำร่องย้ายเทรดจาก LiVEx สู่ mai เป็นรายแรก


นางสาวณิชา โรจน์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MMM หนึ่งในผู้นำด้านตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การให้บริการที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาดแก่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาฯ และซื้อขายอสังหาฯ เปิดเผยว่า ภายหลังที่บริษัทฯ ได้มีการนำเสนอข้อมูลให้กับกลุ่มนักลงทุนทั่วไป (โรดโชว์) ตลอดช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพื่อให้นักลงทุนได้รับทราบเกี่ยวกับรายละเอียดข้อมูลของการดำเนินธุรกิจ รวมถึงศักยภาพ จุดเด่น และโอกาสการเติบโตของบริษัทฯ  ภายใต้แนวคิด “เพื่อนคู่คิด นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์” ก่อนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (PO) จำนวนไม่เกิน 64,200,000 หุ้น หรือคิดเป็น 21.40% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท และยังสะท้อนถึงการเตรียมความพร้อมของบริษัทฯ ในการย้ายจากตลาดหลักทรัพย์ LiVEx ไปยังตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) รายแรกของตลาดหลักทรัพย์ LiVEx เพื่อรองรับการขยายตัวและเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงนักลงทุนในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

โดยปัจจุบัน MMM ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยทุกประเภทให้กับเจ้าของโครงการ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เช่น นนทบุรี ชลบุรี และระยอง ผ่านการวางกลยุทธ์ทางการตลาด โดยการขายโครงการผ่านเครือข่ายนายหน้าอิสระ และการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย โดยซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มีสภาพดีมาปรับปรุงก่อนนำออกจำหน่ายผ่านเครือข่ายนายหน้าอิสระ ธุรกิจของ MMM แบ่งออกเป็น 3 ประเภท

1.ที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) โดยเป็นตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว ให้กับเจ้าของโครงการ เพื่อให้บริการแนะนำติดต่อผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ตลอดจนประสานงานเพื่อให้เกิดการโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาฯ ระหว่างผู้ซื้อและเจ้าของโครงการจนกว่าแล้วเสร็จ

2.การบริหารงานขายโครงการ (BU2) เป็นตัวแทนขายและรับประกันการขายแต่เพียงผู้เดียว เพื่อให้บริการ แนะนำ ติดต่อผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ตลอดจนประสานงานเพื่อให้เกิดการโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ระหว่างผู้ซื้อและเจ้าของโครงการจนกว่าแล้วเสร็จ และ MMM ยังมีการให้บริการบริหารงานขายแบบวางหลักประกันการซื้อ (Hybrid) ซึ่งเป็นการรวมรูปแบบการให้บริการที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) ในช่วงแรก และสิทธิในการเลือกเป็นการบริหารงานขายโครงการแบบรับประกันการขาย (BU2) ในช่วงที่สอง

3.การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (BU3) เป็นการซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มีสภาพดีนำมาปรับปรุงเพื่อจำหน่าย

“MMM มีโมเดลธุรกิจที่โดดเด่น ด้วยการวางตำแหน่งเป็น “มินิมาร์ทอสังหาฯ” โดยมุ่งเน้นการกระจายความเสี่ยงผ่านการบริหารโครงการที่หลากหลายทั้งในด้านประเภทและทำเลที่ตั้ง อาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการวางแผนการตลาดที่ครอบคลุม ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีความสัมพันธ์อันดีกับเครือข่ายเอเจนต์อิสระ ส่งผลให้สามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมีความร่วมมือกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในการบริหารการขาย เพื่อให้สามารถส่งมอบโครงการได้ทันตามกรอบระยะเวลาการขายที่กำหนด“ นางสาวณิชา กล่าว

สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ทาง MMM เตรียมนำไปขยายธุรกิจ เพื่อใช้ในการวางเป็นเงินประกันสัญญาในธุรกิจการให้บริการที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) และสัญญาการให้บริการบริหารงานขายโครงการ (BU2) รวมทั้งสัญญาการให้บริการบริหารงานขายแบบวางหลักประกันการซื้อ (Hybrid) อีกทั้งยังใช้เพื่อการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในธุรกิจการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (BU3) และส่วนที่เหลือเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรองรับการขยายธุรกิจ เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำในด้านการเป็นที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาดเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้ ควบคู่กับการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

ทั้งนี้ จากความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องได้สะท้อนถึงผลการดำเนินงานในปี 2565 – 2567 โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 168.08 ล้านบาท 255.66 ล้านบาท และ 357.88 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิ และอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 35.09 ล้านบาท 47.74 ล้านบาท และ 80.76 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 20.62 ร้อยละ 18.49 และร้อยละ 22.39 และงวด 6 เดือนแรกปี 2568 มีรายได้จากการขายและบริการ 339.41 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 63.30 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 18.58% ตามลำดับ ส่งผลให้ MMM มีความสามารถในการทำกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นกลุ่ม LiVEx ได้ถึง 6 ไตรมาสติดต่อกันนับตั้งเแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ LiVEx เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2566 จนถึงงวดปัจจุบัน

Back to top button