
สแกนงบ ADVANC–TRUE ไตรมาส 3 โบรกชี้กำไรสดใส รับต้นทุนลด-ARPU พุ่ง
ส่องแนวโน้มงบไตรมาส 3 หุ้นกลุ่มสื่อสาร ADVANC–TRUE โบรกมองเติบโตโดดเด่น ADVANC กำไรแตะ 1.07–1.15 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 26–35% รับแรงหนุน ARPU สูงขึ้น–ต้นทุนคลื่นลด ส่วน TRUE คาดกำไรสุทธิ 2.7–4.9 พันล้านบาท พุ่ง 35–70% หลังควบรวมช่วยลดค่าใช้จ่ายและเสริมศักยภาพแข่งขัน พร้อมมองปี 2569 ยังมีแรงหนุนต่อเนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงและการจ่ายปันผลสูงขึ้น
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการรวบรวมข้อมูลและบทวิเคราะห์ ที่ประเมินเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ของ 2 บริษัทในกลุ่มสื่อสาร ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ที่เตรียมจะประกาศออกมาเร็วๆ นี้ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนให้แก่นักลงทุนที่สนใจลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น
โดยบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ 3 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินแนวโน้มผลประกอบการของ ADVANC ในไตรมาส 3 ปี 2568 ว่าจะเติบโตโดดเด่น โดยคาดกำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ในช่วง 10,700–11,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26–35% จากปีก่อน หนุนจากรายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบ้าน (FBB) ที่แข็งแกร่ง และต้นทุนค่าเสื่อมลดลงจากการใช้คลื่นความถี่ 2100 MHz ชุดใหม่
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ทั้ง 3 แห่ง ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น ADVANC โดยให้ราคาเหมาะสมระหว่าง 330–337 บาทต่อหุ้น พร้อมคาดว่ากำไรหลักจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2569 ตามทิศทาง ARPU ที่สูงขึ้นและฐานผู้ใช้บริการที่ขยายตัว รวมถึงได้รับปัจจัยบวกจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงและเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด ประเมินว่า ADVANC จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติในไตรมาส 3 ปี 2568 ประมาณ 10,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของรายได้ในธุรกิจหลักและการประหยัดต้นทุนจากการบริหารคลื่นความถี่ภายหลังการประมูล พร้อมให้ราคาเหมาะสมที่ 337 บาทต่อหุ้น
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์ว่า ADVANC จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ (Core Profit) ในไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 11,460 ล้านบาท เติบโต 35% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน (Fixed Broadband: FBB) ที่เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง จากการเพิ่มขึ้นของค่าเฉลี่ยรายได้ต่อผู้ใช้บริการ (ARPU)
พร้อมกันนี้ ประเมินอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) ในไตรมาส 3/2568 จะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 54% จาก 53% ในไตรมาสก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากกำไรของธุรกิจ FBB ที่ขยายตัวดี และการประมูลคลื่นความถี่ 2100 MHz ที่เข้ามาทดแทนคลื่นเดิมซึ่งหมดอายุ ส่งผลให้ต้นทุนค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่ายลดลงราว 8% เมื่อเทียบปีต่อปี
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน คาดว่ารายได้รวมจะทรงตัว แต่กำไรหลักจะเติบโต 4% นำโดยธุรกิจ FBB และการลดลงของค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่ายจากคลื่นใหม่ สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4 ปี 2568 คาดว่ายังมีโมเมนตัมการเติบโตต่อเนื่องทั้งเมื่อเทียบรายไตรมาสและรายปี จากรายได้และ ARPU ที่แข็งแกร่ง ต้นทุนดำเนินงานที่ลดลง และภาระดอกเบี้ยที่ลดลงตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง
อย่างไรก็ดี ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น ADVANC ให้ราคาเป้าหมายเชิงมูลค่าปัจจุบัน (DCF) ที่ 330 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่ากำไรหลักปี 2568 จะเติบโตแข็งแกร่ง 24% และขยายตัวต่ออีก 5% ในปี 2569 พร้อมคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ปี 2568–2569 ที่ระดับ 4.7% และ 5.0% ตามลำดับ
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุคงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมปรับราคาเป้าหมายสิ้นปี 2569 ขึ้นเป็น 335.00 บาท จากเดิม 330.00 บาท โดยอิงวิธีประเมินมูลค่า DCF (Discounted Cash Flow) ที่ใช้อัตราคิดลด (WACC) 7.1%
ทั้งนี้ KGI ปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลักปี 2568–2570 ขึ้นราว 6% เพื่อสะท้อนสมมติฐานค่าเฉลี่ยรายได้ต่อผู้ใช้บริการ (Blended ARPU) ที่สูงขึ้น และแนวโน้มการเติบโตของจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือที่แข็งแกร่ง แม้จะไม่เห็นปัจจัยกระตุ้นใหม่ (catalyst) หลังสิ้นสุดการประมูลคลื่นความถี่เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2568
อย่างไรก็ตาม KGI มองว่ามูลค่าหุ้น ADVANC ที่ยังซื้อขายในระดับพรีเมียมเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมเดียวกันเป็นเรื่องสมเหตุสมผล เนื่องจากบริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) สูงที่สุดในกลุ่ม และยังมีโอกาสได้อานิสงส์จากการจ่ายเงินปันผลที่เพิ่มขึ้น ตามแนวโน้มท่าทีของผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF
ส่วน TRUE พบว่ามี 3 บริษัทหลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KS, บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI และ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO ประเมินเชิงบวกต่อกำไรไตรมาส 3 ปี 2568 ที่คาดว่าจะอยู่ราว 2,700–4,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35–70% จากปีก่อน หนุนจากการประหยัดต้นทุนหลังควบรวมกิจการและต้นทุนคลื่นความถี่ที่ลดลง พร้อมมองแนวโน้มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมกลับมามีเสถียรภาพ และผลประกอบการมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในปี 2569
บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KS ประเมินเชิงบวกต่อหุ้น TRUE โดยให้ราคาเป้าหมายพื้นฐานที่ 14.12 บาทต่อหุ้น พร้อมคาดกำไรจากการดำเนินงานหลักในไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 4,230 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 20.2% จากไตรมาสก่อน
โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการประหยัดต้นทุนภายหลังการผนึกกำลังจากการควบรวมกิจการ รวมถึงต้นทุนคลื่นความถี่ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ TRUE ยังชนะการประมูลคลื่นความถี่ 2300 MHz ด้วยราคาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 37% และสามารถคว้าคลื่น 1500 MHz ได้เหนือความคาดหมาย ซึ่งช่วยลดต้นทุนรวม (Cost Saving) มากกว่าที่ประเมินไว้ และจะเป็นแรงหนุนสำคัญต่อการเติบโตของกำไรตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มความสามารถในการจ่ายเงินปันผลของบริษัทในระยะยาว ขณะเดียวกันปัจจัยลบในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมช่วงสั้นถึงกลางเริ่มคลี่คลาย โดยคาดว่าการแข่งขันจะไม่รุนแรงภายใต้โครงสร้างตลาดแบบ Duopoly จนกว่าจะถึงการประมูลคลื่นความถี่รอบใหม่ในช่วงปลายปี 2570 ซึ่งจะช่วยให้ภาพรวมอุตสาหกรรมกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI ประเมินราคาพื้นฐานหุ้น TRUE ที่ 11.40 บาท พร้อมมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาหุ้นในระยะสั้น โดยคาดว่าราคากำลังสร้างฐานและมีโอกาสรีบาวด์ แนวรับอยู่ที่ 11.00 บาท และแนวต้านที่ 11.40–11.60 บาท หากผ่านระดับดังกล่าวได้ คาดแนวต้านถัดไปบริเวณ 11.80 บาท โดยแนะนำจุดตัดขาดทุนที่ 10.80 บาท
พร้อมกันนี้ประเมินผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 ของ TRUE จะเติบโตโดดเด่นเมื่อเทียบทั้งรายไตรมาสและรายปี โดยคาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% จากไตรมาสก่อน และกลับมามีกำไรเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนกำไรปกติคาดอยู่ที่ 4.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสก่อน และพุ่งขึ้น 70% จากปีก่อนหน้า ปัจจัยหนุนหลักมาจากรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการ (ARPU) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และต้นทุนคลื่นความถี่ที่ลดลง ส่งผลให้ผลกระทบจากการย้ายค่ายของลูกค้าแทบไม่มี
ทั้งนี้ คาดว่าไตรมาส 4 ปี 2568 TRUE จะได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงยอดขายสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ iPhone 17 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นรายได้บริการโทรคมนาคม ขณะเดียวกันฝ่ายวิจัยฯ เห็นว่าระดับมูลค่าหุ้นปัจจุบันยังอยู่ในเกณฑ์ไม่แพง ด้วยค่า Forward P/E ราว 21 เท่า และคาดว่าจะลดลงเหลือประมาณ 18 เท่าในปีหน้า ภายใต้สมมติฐานการเติบโตกำไรต่อเนื่องราว 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO เปิดเผยว่า คาดกำไรสุทธิของ TRUE ในไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.1% จากไตรมาสก่อน และพลิกจากขาดทุน 0.8 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของการดำเนินงานและการประหยัดต้นทุนคลื่นความถี่
ทั้งนี้ ประเมินว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายด้อยค่าของสินทรัพย์ราว 2.1 พันล้านบาท แบ่งเป็น 1.1 พันล้านบาทจากการปรับปรุงเครือข่าย และอีก 1.0 พันล้านบาทจากการยกเลิกคลื่นความถี่ 850 MHz ซึ่งลดลงจาก 2.5 พันล้านบาทในไตรมาสก่อน ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานปกติ (ไม่รวมรายการพิเศษ) คาดอยู่ที่ 4.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.7% จากไตรมาสก่อน และพุ่งขึ้น 57.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน
สำหรับความเสี่ยงเชิงบวก (Upside risk) ของ TRUE ได้แก่ การเติบโตของรายได้รวมที่สูงกว่าคาด ความคืบหน้าในการลดภาระหนี้ที่เร็วกว่าที่ประเมินไว้ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งนี้ยังคงคำแนะนำ “ถือ” หุ้น TRUE พร้อมให้มูลค่าพื้นฐานที่เหมาะสมคำนวณด้วยวิธี DCF ที่ 12.20 บาทต่อหุ้น