
“NestiFly” ปรับเกณฑ์สินเชื่อใหม่ เพิ่มหุ้น mai เข้าระบบ “StockLend” ขยายโอกาสปล่อยกู้
“NestiFly” เดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์ม StockLend เปิดรับหุ้นตลาด mai เป็นหลักค้ำประกันการกู้ เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผู้กู้และลงทุน มุ่งยกระดับบริการยุคดิจิทัล
บริษัท เนสท์ติฟลาย จำกัด ผู้ให้บริการ StockLend by NestiFly แพลตฟอร์มสินเชื่อแบบ P2P รายแรกของประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังและอยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ เพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อด้วยหุ้นเป็นหลักประกัน ขยายการลงทุนให้ยืดหยุ่นและครอบคลุมยิ่งขึ้น
โดยเริ่มเดินหน้าขยายทางเลือกให้กับผู้กู้ ที่ต้องการเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารสภาพคล่อง ที่นอกจากจะสามารถนำหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้แล้ว ในวันนี้ได้เปิดรับหุ้นในตลาด mai เป็นหลักประกันได้เช่นเดียวกัน โดยผู้กู้ไม่จำเป็นต้องขายหุ้นในพอร์ตออกไปแม้แต่หุ้นเดียว ซึ่งบริการนี้มาพร้อมอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 5.95% ต่อปี
สำหรับนักลงทุน (ผู้ปล่อยกู้) สามารถกำหนดเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อได้ยืดหยุ่นยิ่งขึ้น เพิ่มโอกาสในการลงทุน ขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มผู้ขอสินเชื่อที่ต้องการเงินทุนอย่างเร่งด่วน และสร้างผลตอบแทนที่หลากหลายจากหลักทรัพย์ค้ำประกันที่ขยายขอบเขตออกไป โดยบริษัทฯ ได้เพิ่มเกณฑ์การลงทุนผ่านแพลตฟอร์ม ให้ตั้งเกณฑ์การลงทุน 5 ข้อ ได้แก่
1.) กลุ่มหุ้นที่ต้องการลงทุน (MAX60, MAX50, MAX40)
2.) ระดับ LTV สูงสุด (30%–60%)
3.) ระยะเวลาปล่อยกู้ (90, 180, 270 และ 365 วัน)
4.) จำนวนเงินลงทุนสูงสุดต่อสัญญา (ไม่เกิน 50,000 บาทต่อสัญญา)
5.) เกณฑ์การลงทุนใหม่เพิ่มเติม คือ กำหนดตามขนาดมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ที่แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
TOP : หุ้นในตลาด SET ที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 5,000 ล้านบาท
MID : หุ้นในตลาด SET ที่มีมูลค่าตลาดระหว่าง 1,500–5,000 ล้านบาท และหุ้น mai ที่มูลค่ามากกว่า 1,500 ล้านบาท
SMALL : หุ้นในตลาด SET และ mai ที่มีมูลค่าตลาดน้อยกว่า 1,500 ล้านบาท