IDG ลุ้นเทรดวันแรกคึก! โบรกเคาะเป้าสูง 4.37 บาท ชี้กำไร 3 ปี โตเฉลี่ย 18%

จับตา IDG ลงสนามเทรดวันแรกคึก โบรกคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ย 3 ปี (68-70) อยู่ที่ 17.80% ได้รับแรงหนุนหลักจากการจำหน่ายซอฟต์แวร์และการให้บริการระบบดิจิทัล โดยให้ราคาเป้าหมาย 3.90-4.37 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 ต.ค.68) ว่าหลักทรัพย์ บริษัท อินดิจี จำกัด (มหาชน) หรือ IDG ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายใต้นกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี (Technology) หมวดเทคโนโลยี

สำหรับ IDG มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 50 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีหุ้นสามัญเพิ่มทุน 28 ล้านหุ้น เสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 21 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัทไม่เกิน 4.2 ล้านหุ้น พนักงานซึ่งไม่ใช่กรรมการหรือผู้บริหารของบริษัท ไม่เกิน 2.8 ล้านหุ้น โดยเสนอขายผู้ลงทุนระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม 2568 ในราคาหุ้นละ 3 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 84 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 300 ล้านบาท

ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ประมาณ 17.65 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ถึง 30 มิถุนายน 2568 ซึ่งเท่ากับ 16.97 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.17 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ

ทั้งนี้ IDG ประกอบธุรกิจให้บริการออกแบบและพัฒนาระบบดิจิทัลแบบครบวงจร รวมทั้งให้บริการเป็นที่ปรึกษาด้าน Digital & AI Transformation และพัฒนาโซลูชันตามความต้องการของลูกค้า โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย บริษัทได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทชั้นนำระดับโลก ได้แก่ Microsoft Corporation และมีความเชี่ยวชาญในซอฟต์แวร์ระดับสากล อาทิ Microsoft 365, Microsoft Azure, Adobe Cloud และ Nintex นอกจากนี้ บริษัทยังได้พัฒนาซอฟต์แวร์ภายใต้ลิขสิทธิ์ของบริษัทเอง เพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้าในหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ WORK+, BIZ+, LIFE+ และ 365+ โดยกลุ่มลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่เป็นองค์กรชั้นนำขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มสถาบันการเงิน กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสุขภาพ และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น

นายวิธาน ฉั่วเจริญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IDG เปิดเผยว่า บริษัทมีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาและพัฒนาระบบโดยใช้เทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกมามากกว่า 25 ปี โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Microsoft Gold Certified Partner ตั้งแต่ปี 2549 บริษัทมีทีมงานที่เชี่ยวชาญ เข้าใจผลิตภัณฑ์ของ Microsoft เป็นอย่างดี และสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ตรงตามความต้องการทางธุรกิจ จึงได้รับการยอมรับจากลูกค้าองค์กรชั้นนำในประเทศ สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขยายสำนักงานและศูนย์บริการธุรกิจดิจิทัล และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

IDG มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ บริษัท ไอซีบีจี จำกัด (นิติบุคคลของกลุ่มครอบครัวฉั่วเจริญศิริ) ถือหุ้น 28.80% นายวิธาน ฉั่วเจริญศิริ ถือหุ้น 24.91% นางสาววรพรรณ ฉั่วเจริญศิริ ถือหุ้น 13.97% และนางสาววรนีย์ ฉั่วเจริญศิริ ถือหุ้น 4.32% โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินหลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนดและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับบริษัท

บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุ IDG คาดการณ์กำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 17.80% ต่อปี (CAGR) ในช่วงปี 2568-2570 โดยได้รับแรงหนุนหลักจากการจำหน่ายซอฟต์แวร์และการให้บริการระบบดิจิทัล (Digital Solution)

บริษัทคาดว่า Product Mix ของ IDG จะดีขึ้น โดยเฉพาะแพลตฟอร์มของบริษัท เช่น WORK+, Biz+, Life+, 365+ และ Microsoft ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง 70% จากการขยายฐานลูกค้าองค์กรอย่างเข้มข้น ขณะที่ซอฟต์แวร์อื่น ๆ มีอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 10% นอกจากนี้ รายได้จากบริการพัฒนาระบบดิจิทัลคาดว่าจะเติบโต 14.5% CAGR ตามความต้องการของตลาด IT Solution

ด้านการประเมินมูลค่า UOB Kay Hian ประเมินราคาเป้าหมายปี 2569 อยู่ที่ 4.30 บาทต่อหุ้น โดยอิงจาก EPS ปี 2569F ที่ 0.23 บาทต่อหุ้น และ Forward PE 18.6 เท่า ซึ่งใกล้เคียง -1.0 S.D. ของค่าเฉลี่ย Forward PE กลุ่มที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุถึง IDG คาดการณ์กำไรสุทธิในปี 2568 อยู่ที่ 22 ล้านบาท เติบโต 47% และในปี 2569 อยู่ที่ 34 ล้านบาท เติบโต 50% โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากทั้งรายได้จากการขายที่สูงขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนใช้เงินจากการระดมทุนในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยี AI รวมถึงขยายสำนักงานและศูนย์บริการธุรกิจดิจิทัล เพื่อรองรับการเติบโตและขยายตลาดไปยังต่างจังหวัด โดยประเมินมูลค่าที่เหมาะสม ณ สิ้นปี 2569 อยู่ที่ 4.37 บาทต่อหุ้น

บริษัท หลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) ระบุว่า IDG คาดกำไรสุทธิปี 2568 อยู่ที่ 20 ล้านบาท และในปี 2569 อยู่ที่ 23 ล้านบาท  โดยรายได้หลักยังมาจากการจำหน่ายซอฟต์แวร์และบริการพัฒนาระบบดิจิทัล ขณะเดียวกัน รายได้จากบริการให้คำปรึกษาเฉพาะทาง (tailor-made solution) มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากความสามารถในการตอบโจทย์และแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด

ด้านมูลค่าพื้นฐาน ไอร่า ประเมินราคาเหมาะสมของ IDG ในปี 2569 ที่ 3.90 บาทต่อหุ้น อิงจากกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2569 และค่า P/E ที่ระดับ 15 เท่า ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย P/E ของกลุ่มธุรกิจลักษณะเดียวกัน

Back to top button