แบงก์ใหญ่ เพิ่ม Wealth ดันกำไร

ในอดีตแบงก์พาณิชย์เคยอิ่มหมีพีมันกับการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ย ซึ่งเป็นรายได้หลัก แต่ถ้าตัดภาพมาในปัจจุบันสถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว การปล่อยสินเชื่อของแบงก์เริ่มโตแบบจำกัดจำเขี่ยมากขึ้น


ในอดีตแบงก์พาณิชย์เคยอิ่มหมีพีมันกับการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ย ซึ่งเป็นรายได้หลัก แต่ถ้าตัดภาพมาในปัจจุบันสถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว การปล่อยสินเชื่อของแบงก์เริ่มโตแบบจำกัดจำเขี่ยมากขึ้น จะโตแค่หลักเดียวต่ำ ๆ อย่างเก่งก็แค่ 2-3% ต่อปีเท่านั้น ยากที่จะเห็นสินเชื่อแบงก์โตหลักเดียวปลาย ๆ หรือโตสองหลัก ทำให้รายได้หลักของแบงก์เริ่มมีสัญญาณไม่ดี มิหนำซ้ำยังมาเจอวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ซึ่งทำให้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ หรือ NIM ปรับลดลง…

เรียกว่าปล่อยสินเชื่อได้น้อยไม่พอ…สเปรดของ NIM ยังแคบลงอีกต่างหาก ทำให้แบงก์เริ่มอยู่ยาก ต้องแสวงหารายได้จากแหล่งอื่นเพื่อสร้างการเติบโตต่อ ก็หนีไม่พ้นรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ ซึ่งจัดอยู่ในหมวดหมู่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยนั่นเอง…

กลยุทธ์ของแบงก์ต่าง ๆ มักจะใช้ฐานลูกค้าที่มีอยู่ในมือมาสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ ซึ่งแต่ละแบงก์ก็จะมีระดับลูกค้าที่แตกต่างกันไป โดยหลาย ๆ แบงก์ก็หันมาปั้นพอร์ตธุรกิจ Wealth หรือบริการบริหารความมั่งคั่ง เช่น การออกผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่ให้กับลูกค้า เพื่อสร้างรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยให้เติบโต

ล่าสุดเห็นผลตอบแทนที่ชัดเจนขึ้นในคำอธิบายงบไตรมาส 3/2568 ของหลาย ๆ แบงก์ที่มีคำว่า Wealth เกลื่อนไปหมด โดยเฉพาะแบงก์ขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นแบงก์สีเขียว ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ซึ่งในไตรมาสนี้ มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 34,158 ล้านบาท ลดลง 6.14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่กลับมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 22.49% มาอยู่ที่ 15,088 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ 9,328 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.17% ส่วนใหญ่มาจากค่าธรรมเนียมรับจากการจัดการกองทุนที่เติบโตขึ้นจากการให้บริการที่สามารถตอบโจทย์ได้ตรงความต้องการของลูกค้า

งานบริการประกันภัย 3,419 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.11% และรายได้อื่น 6,513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.05% เกิดจากกำไรสุทธิจากเงินลงทุน และกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุนที่เพิ่มขึ้นตามภาวะตลาด

เลยหนุนให้งบไตรมาส 3/2568 ของ KBANK มีกำไรสุทธิ 13,007 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.80% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12,295 ล้านบาท 

ส่วนแบงก์สีม่วง บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ก็ทำได้ดีโชว์กำไรสุทธิอยู่ที่ 12,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10,940 ล้านบาท เป็นผลมาจากกำไรจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น และรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ช่วยชดเชยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัว

โดยในไตรมาสนี้ มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 29,413 ล้านบาท ลดลง 9.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ อยู่ที่ 10,942 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% จากธุรกิจบริหารความมั่งคั่งที่เติบโตอย่างโดดเด่นจากการขายผลิตภัณฑ์การลงทุนมูลค่าสูง 

ฟากแบงก์สีน้ำเงิน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ในไตรมาส 3/2568 มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 30,750 ล้านบาท ลดลง 7.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยและเงินให้สินเชื่อที่ชะลอตัวตามสภาวะเศรษฐกิจ แต่มีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย 16,913 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.7% เป็นผลมาจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และกำไรจากเงินลงทุน ประกอบกับรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจากธุรกิจหลักทรัพย์ และบริการประกันผ่านธนาคารและกองทุนรวม

ส่งผลให้งบไตรมาส 3/2568 ฟาดกำไรสุทธิไป 13,789 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12,476 ล้านบาท

ไม่ต่างจากแบงก์สีฟ้า ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ที่โชว์กำไรอู้ฟู่ 14,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11,689 ล้านบาท ได้แรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน และกำไรจากเงินลงทุน จากตราสารหนี้และอัตราแลกเปลี่ยนตามสภาวะตลาด รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมที่ขยายตัว 3.7% จากธุรกิจ Wealth Management ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงตามภาวะดอกเบี้ยและการปรับดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อโดยรวมลดลง 3.9% จากสิ้นปี 2567 ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง

โดยในไตรมาสนี้ KTB มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 25,871 ล้านบาท ลดลง 13.4% ขณะที่มีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิอยู่ที่ 5,826 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% และมีรายได้จากการดำเนินงานอื่น 10,830 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92.2% 

แถมให้หนึ่งแบงก์ขนาดเล็กอย่างธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP ที่ทำผลงานได้โดดเด่น รายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,670 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,305 ล้านบาท โดยมีรายได้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 4,233 ล้านบาท ลดลง 14.3% เป็นผลจากการชะลอตัวของสินเชื่อ การปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย”  

แต่ถ้าไปดูรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 2,496 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.7% โดยมีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 4.3% เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นในส่วนของรายได้ที่เกิดจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจการจัดการกองทุน  รายได้ค่านายหน้าขายประกันที่ทยอยปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้ที่เกิดจากธุรกิจไดม์ (Dime!) 

คงเห็นกันตำตาแล้วว่า ทุกแบงก์ประสบปัญหารายได้ดอกเบี้ยหดเหมือน ๆ กัน ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยโป่งพอง…

บ่งชี้ว่ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยกำลังมีบทบาทสำคัญกับแบงก์มากขึ้นเรื่อย ๆ นะออเจ้า…

…อิ อิ อิ…

Back to top button