“หุ้นพลังงาน” วิ่ง! รับ WTI พุ่ง 5% หลัง “สหรัฐ” คว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรัสเซีย

หุ้นพลังงานบวกคึก! รับราคาน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ปิดพุ่งกว่า 5% แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ หลังรัฐบาลสหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย เพื่อบีบให้ยุติสงครามยูเครน ส่งผลให้จีนและอินเดียเริ่มชะลอการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ต.ค.68) ณ เวลา 10:19 น. ราคาหุ้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT อยู่ที่ระดับ 31.50 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 1.61% สูงสุดที่ระดับ 31.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 31 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 703.18 ล้านบาท

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP อยู่ที่ระดับ 111.50 บาท บวก 3.50 บาท หรือ 3.24% สูงสุดที่ระดับ 112 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 110.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 620.71 ล้านบาท

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP อยู่ที่ระดับ 37.25 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 3.47% สูงสุดที่ระดับ 37.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 36.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 301.39 ล้านบาท

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP อยู่ที่ระดับ 30.25 บาท บวก 1 บาท หรือ 3.42% สูงสุดที่ระดับ 30.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 29.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 69.63 ล้านบาท

โดยราคาหุ้นพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 5% ในวันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม หลังรัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย เพื่อกดดันให้รัสเซียยุติการทำสงครามในยูเครน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแรงในตลาดโลก

โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 3.29 ดอลลาร์ หรือ 5.62% ปิดที่ 61.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 3.40 ดอลลาร์ หรือ 5.43% ปิดที่ 65.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน และปิดที่ระดับสูงสุดตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา

สาเหตุสำคัญมาจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทลูคอยล์ (Lukoil) และรอสเนฟต์ (Rosneft) ซึ่งเป็นสองผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย ถือเป็นการคว่ำบาตรครั้งแรกของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์ในวาระที่สอง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อจำกัดแหล่งรายได้ของรัสเซียที่นำมาใช้สนับสนุนสงคราม

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรใหม่นี้จะส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถของรัสเซียในการจัดหารายได้จากการส่งออกน้ำมัน และพร้อมดำเนินมาตรการเพิ่มเติมหากรัสเซียยังไม่ยุติความรุนแรง พร้อมเรียกร้องให้ประเทศพันธมิตรทั่วโลกเข้าร่วมดำเนินการตามแนวทางเดียวกัน

รายงานข่าวจากต่างประเทศเผยว่า บริษัทน้ำมันของรัฐบาลจีนได้ระงับการซื้อน้ำมันจากบริษัทลูคอยล์และรอสเนฟต์ที่ขนส่งทางทะเล หลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตร ซึ่งช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอีก ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank มองว่า มาตรการดังกล่าวจะบีบให้โรงกลั่นในจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของรัสเซีย ต้องหันไปพึ่งซัพพลายเออร์รายอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการถูกตัดออกจากระบบการเงินตะวันตก

ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากสหภาพยุโรป (EU) เพิ่งอนุมัติมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งที่ 19 เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ซึ่งรวมถึงการระงับการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อตอบโต้การที่รัสเซียยังเดินหน้าทำสงครามในยูเครนอย่างต่อเนื่อง

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตราบใดที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบต่ำกว่าระดับประมาณ 70–75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ถือเป็นระดับที่ยังมี “buffer” รองรับผลประกอบการของบริษัทพลังงานโดยรวม สำหรับตลาดไทย มองว่าหุ้นในกลุ่มพลังงานต้นน้ำและผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์น้ำมันจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการปรับตัวของราคาน้ำมัน โดยในระยะสั้นมองว่า PTTEP จะโดดเด่นที่สุด ขณะที่ในระยะกลางแนะนำให้น้ำหนักการลงทุนไปที่หุ้น PTTGC และ TOP ซึ่งมีโอกาสได้รับอานิสงส์เชิงโครงสร้างจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และการฟื้นตัวของอุปสงค์พลังงานในภูมิภาค

Back to top button