
สหรัฐ–ไทยประกาศถ้อยแถลงร่วม ตั้งกรอบค้าต่างตอบแทน ลดภาษี–ขยายตลาด
ทำเนียบขาว เผยถ้อยแถลงร่วม “สหรัฐฯ–ไทย” เดินหน้ากรอบค้าต่างตอบแทนครั้งใหม่ ไทยเตรียมลดภาษีสินค้าสหรัฐฯ 99% หนุนการค้า การลงทุน และยกระดับความร่วมมือแรงงาน สิ่งแวดล้อม และดิจิทัล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 26 ตุลาคม 2568 ทำเนียบขาวเผยแพร่ “ถ้อยแถลงร่วมว่าด้วยกรอบข้อตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย”
โดยระบุว่า สหรัฐอเมริกา และราชอาณาจักรไทย ได้กรอบข้อตกลงสำหรับภาษีตอบโต้ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจทวิภาคี ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกของทั้งสองประเทศเข้าถึงตลาดของกันและกันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ความตกลงการค้านี้จะต่อยอดความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มีมาอย่างยาวนาน รวมถึงสนธิสัญญาไมตรีและเศรษฐกิจระหว่างไทยกับสหรัฐฯ (U.S.-Thailand Treaty of Amity and Economic Relations) ที่ลงนามในปี 2509 และกรอบข้อตกลงการค้าและการลงทุนไทย-สหรัฐฯ (U.S.-Thailand Trade and Investment Framework Agreement) ที่ลงนามในปี 2545
ข้อสำคัญของความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างสหรัฐอเมริกากับไทย ประกอบด้วย
ไทยจะยกเลิกกำแพงภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าสหรัฐฯ ประมาณ 99% ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์อาหารและเกษตรกรรมของสหรัฐฯ อย่างครบถ้วน
สหรัฐฯ จะคงอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ไว้ที่ 19% ตามที่ระบุในคำสั่งฝ่ายบริหารที่ 14257 ลงวันที่ 2 เมษายน 2568 (Executive Order 14257 of April 2, 2025) ที่ได้แก้ไขแล้วสำหรับสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากไทย และจะระบุสินค้าจากบัญชีรายชื่อที่อยู่ในภาคผนวก III ของคำสั่งฝ่ายบริหารที่ 14346 ลงวันที่ 5 กันยายน 2568 (Executive Order 14346 of September 5, 2025) ซึ่งเป็นกลุ่มปรับอัตราภาษีศุลกากรสำหรับประเทศพันธมิตร เพื่อให้ได้รับอัตราภาษีตอบโต้ 0%
สหรัฐฯ และไทยจะร่วมกันแก้ไขอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี (non-tariff barriers) ของไทยที่ส่งผลต่อการค้าทวิภาคี โดยไทยให้คำมั่นที่จะแก้ไขอุปสรรคต่อการส่งออกของสหรัฐฯ เช่น การยอมรับยานยนต์ที่ผลิตตามมาตรฐานความปลอดภัยและการปล่อยไอเสียของสหรัฐฯ, การยอมรับใบรับรองและกฎระเบียบการอนุมัติก่อนวางตลาด สำหรับเครื่องมือแพทย์และยาโดยองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (US FDA) ว่าเพียงพอที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดของไทย, การออกใบอนุญาตนำเข้าสำหรับเอทานอลจากสหรัฐฯ, การแก้ไขกฎหมายศุลกากรเพื่อยกเลิกระบบรางวัลศุลกากร (customs reward system) ที่เกี่ยวข้องกับการฝ่าฝืนและบทลงโทษ, และการนำแนวปฏิบัติกำกับดูแลที่ดี มาใช้และดำเนินการ
ไทยจะดำเนินการแก้ไขและป้องกันไม่ให้มีกำแพงต่อสินค้าอาหารและเกษตรกรรมของสหรัฐฯ ในตลาดไทย รวมถึงการเร่งรัดการนำเข้าเนื้อสัตว์และสัตว์ปีกที่รับรองโดยบริการความปลอดภัยด้านอาหารและการตรวจสอบของสหรัฐฯ (FSIS) ไทยยังจะดำเนินการแก้ไขประเด็นรบกวนทางการค้า และกำหนดให้ข้อกำหนดที่เกี่ยวกับสินค้าพืชสวนของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงผลพลอยได้จากธัญพืชแห้ง ว่าเป็นสิ่งที่อยู่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และความเสี่ยง โดยไทยให้คำมั่นที่จะยอมรับใบรับรองที่ได้ตกลงกันในปัจจุบันซึ่งออกโดยหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ
สหรัฐฯ และไทยจะสรุปข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิแรงงานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล รวมถึงการดำเนินการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้มั่นใจว่าสิทธิของแรงงานในการรวมกลุ่มและการเจรจาต่อรองร่วม (freedom of association and collective bargaining) ได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ และการเสริมความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายแรงงาน โดยมุ่งเน้นที่การแก้ไขการละเมิดในภาคส่วนที่มีความเสี่ยงสูงต่อแรงงานบังคับและแรงงานเด็ก
ไทยให้คำมั่นที่จะรักษามาตรฐานการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในระดับสูงและบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการดำเนินมาตรการเพื่อต่อสู้กับการค้าที่มาจากการตัดไม้ผิดกฎหมาย ส่งเสริมเศรษฐกิจที่ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยอมรับและดำเนินการตามข้อตกลง WTO ว่าด้วยการอุดหนุนประมง และต่อต้านการประมงผิดกฎหมาย การแจ้งเท็จ และการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย
สหรัฐฯ และไทยจะสรุปข้อตกลงด้านทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ โดยไทยให้คำมั่นที่จะแก้ไขปัญหาที่มีมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา เช่น การบังคับใช้ต่อการปลอมแปลงเครื่องหมายการค้า และการละเมิดลิขสิทธิ์ องค์กรบริหารจัดการร่วมที่ไร้หลักเกณฑ์ การหลีกเลี่ยงมาตรการคุ้มครองทางเทคโนโลยี และปัญหาความล่าช้าของการจดสิทธิบัตร
สหรัฐฯ และไทยจะสรุปข้อตกลงโดยไทยจะแก้ไขอุปสรรคที่มีผลต่อการค้าดิจิทัล การให้บริการ และการลงทุน โดยไทยให้คำมั่นว่าจะไม่จัดเก็บภาษีบริการดิจิทัลหรือมาตรการที่มีลักษณะเลือกปฏิบัติต่อบริการหรือผลิตภัณฑ์ดิจิทัลจากสหรัฐฯ รับรองการโอนข้อมูลเสรีข้ามพรมแดนที่น่าเชื่อถือเพื่อการดำเนินธุรกิจ สนับสนุนการระงับอากรขาเข้าสำหรับการถ่ายโอนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างถาวร ที่ WTO โดยจะไม่กำหนดโควตาฉายภาพยนตร์ ผ่อนคลายข้อจำกัดการถือหุ้นต่างชาติในภาคโทรคมนาคม และยกเลิกข้อกำหนดการประมวลผลธุรกรรมชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศสำหรับบัตรเดบิตที่ออกในประเทศไทย
สหรัฐฯ และไทยจะสรุปข้อตกลงต่อพฤติกรรมที่สร้างความบิดเบือนของรัฐวิสาหกิจ
สหรัฐฯ และไทยจะเสริมสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน (supply chain resilience) และนวัตกรรมผ่านการดำเนินการร่วมกันเพื่อจัดการกับการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมของบุคคลที่สาม และร่วมมือในการควบคุมการส่งออก ความมั่นคงของการลงทุน และการต่อต้านการหลบเลี่ยงภาษีศุลกากร
นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกาและไทยยังให้ความสำคัญกับข้อตกลงทางการค้าครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างบริษัทของสหรัฐฯ กับไทยในภาคเกษตรกรรม พลังงาน และการบิน ได้แก่
- การซื้อสินค้าทางการเกษตร ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กากถั่วเหลือง และธัญพืชแห้งจากโรงคัดแยก มูลค่าประมาณ 2.6 พันล้านเหรียญต่อปี
- การซื้อผลิตภัณฑ์พลังงาน ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติเหลว น้ำมันดิบและเอเทน มูลค่าประมาณ 5.4 พันล้านเหรียญต่อปี
- การจัดซื้อเครื่องบินจากสหรัฐฯ จำนวน 80 ลำ มูลค่ารวม 18.8 พันล้านเหรียญ
ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า สหรัฐฯ และไทยจะเจรจาและสรุปความตกลงการค้าต่างตอบแทน เตรียมความตกลงสำหรับการลงนาม และดำเนินการตามขั้นตอนภายในประเทศก่อนที่ความตกลงจะมีผลบังคับใช้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์สื่อโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ภายหลังการลงนามถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ว่า การหารือเป็นการต่อยอดจากการพูดคุยหลายครั้งก่อนหน้า โดยไทยได้ขอให้สหรัฐฯ สนับสนุนทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเฉพาะประเด็นการลดอัตราภาษีสินค้าระหว่างกัน เนื่องจากไทยได้ให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในหลายด้าน และจะมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (U.S. Trade Representative) ต่อไป
ที่มา : The WHITE HOUSE

