“กัณฑรา” แนะสะสมหุ้น “Domestic Play” ชู SCC ท็อปพิก มองผลงานพ้นจุดต่ำสุด

นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา แนะสะสมหุ้นกลุ่ม Domestic Play เน้น SCC เด่น รับฤดูกาลก่อสร้าง-ตกแต่งบ้าน ผลงานไตรมาส 3 ผ่านจุดต่ำสุด ราคาปรับลดลงเป็นจังหวะทยอยซื้อ


นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในรายการ ข่าวหุ้นเจาะตลาด เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ว่าเมื่อวานนี้การพบปะระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกช่วยลดความกังวลและความตึงเครียดในเวทีโลกได้ระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม แม้บรรยากาศการเจรจาจะเป็นไปในทิศทางที่ดี ทั้งสองฝ่ายมีการผ่อนคลายท่าทีและพิจารณาลดภาษีซึ่งกันและกัน แต่ยังต้องติดตามว่าความร่วมมือนี้จะยืนยาวเพียงใด โดยเฉพาะในบริบทที่การเมืองสหรัฐฯ ยังมีความไม่แน่นอน หากไม่ใช่รัฐบาลภายใต้การนำของทรัมป์ ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนไป

อีกทั้ง แม้การพบปะดังกล่าวจะสร้างบรรยากาศเชิงบวกในระยะสั้น แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์กลับไม่ได้ตอบรับในเชิงบวกนัก เนื่องจากยังมีแรงกดดันจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาต่ำกว่าคาด

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทย SET Index เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ตลาดมีความผันผวนสูง โดยช่วงเช้าดัชนีปรับตัวลดลงเหตุหุ้น บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA กดดัน ก่อนจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาในช่วงบ่าย โดยเฉพาะในกลุ่มธนาคาร เช่น ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK และ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ที่ช่วยหนุนดัชนีให้ฟื้นตัว

ทั้งนี้ หากมองประเด็นการเคลื่อนไหวของหุ้นขนาดใหญ่ใน SET แม้หลายบริษัทจะมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและรายงานผลประกอบการที่ดี แต่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงนั้น ปัจจัยการเมืองในประเทศไม่ได้เป็นประเด็นหลักที่กดดันตลาดในขณะนี้ แต่สิ่งที่นักลงทุนจับตาคือเม็ดเงิน นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งถือเป็นตัวแปรสำคัญ หากเห็นสัญญาณการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยและหุ้นขนาดใหญ่จะฟื้นตัวได้ชัดเจนขึ้น

อีกปัจจัยที่นักลงทุนควรจับตาในช่วงที่เหลือของปีนี้ คือระดับดัชนี SET ที่อาจเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากระดับ 1,320-1,330 จุด ถือเป็นแนวต้านเชิงพื้นฐานสำคัญที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินไว้ตั้งแต่ต้นปี ซึ่งดัชนีเคยปรับขึ้นไปแตะแล้ว ก่อนจะอ่อนตัวลงมาอีกครั้ง

นายกัณฑรา ระบุว่า ระดับดังกล่าวอาจเป็นจุดที่นักลงทุนระมัดระวังมากขึ้น จนกว่าจะเริ่มเห็นมุมมองใหม่ของปีหน้า ขณะที่ในเชิงเทคนิค หาก SET สามารถยืนเหนือระดับ 1,325 จุดได้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อแนวโน้มระยะสั้น แต่หากปรับฐานลงหลุดระดับ 1,300 จุด มีโอกาสไหลลงทดสอบแนวรับที่ 1,290 จุด อย่างไรก็ตาม มองว่าเป็นการปรับฐานระยะสั้น ไม่ใช่แนวโน้มขาลงระยะยาว

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ หากผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ของบริษัทจดทะเบียน บจ. ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ (Positive Surprise) โดยทั่วไปนักวิเคราะห์ตั้งสมมติฐานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 อย่างระมัดระวัง (Conservative) ทำให้หากงบออกมาดีกว่าคาดจะเป็นแรงผลักดันเชิงบวกต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ขณะเดียวกัน หากตัวเลข GDP ของไทยมีการปรับขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจ ก็มีโอกาสที่เป้าหมายดัชนี SET จะถูกปรับขึ้นแตะระดับ 1,400 จุด

โดยจากปัจจัยต่างๆ ที่ผ่านมา ฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำกลยุทธ์หลักยังเน้นไปที่หุ้นกลุ่ม Domestic Play และการบริโภคภายในประเทศ (Domestic Consumption) โดยหุ้นเด่นที่แนะนำในขณะนี้ คือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ซึ่งราคาปรับตัวลดลงมาพอสมควร จึงเป็นโอกาสให้เข้าลงทุน แม้ว่างบไตรมาส 3/2568 จะติดลบ แต่ถือว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ในอนาคตได้รับแรงหนุนจากธุรกิจก่อสร้างและการตกแต่งบ้านในช่วงไตรมาส 4/2568 ถึงไตรมาส 1/2569 ซึ่งเป็นฤดูกาลสำคัญของอุตสาหกรรมดังกล่าว ทำให้ SCC เป็นหุ้นที่เหมาะแก่การทยอยสะสมในช่วงนี้ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 211 บาท เทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ที่เคยอยู่ระดับ 500-600 บาท

Back to top button