
ดีเดย์ “คนละครึ่งพลัส” เปิดลงทะเบียนร้านค้าฟู้ดเดลิเวอรี เริ่มใช้สิทธิ 7 พ.ย.นี้
วันนี้ (3 ต.ค.) เริ่มวันแรก เปิดให้ร้านอาหาร–เครื่องดื่ม ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ผ่านฟู้ดเดลิเวอรี เริ่มรับออเดอร์ได้ 7 พ.ย.นี้ ตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม ทุกวันจนถึง 31 ธ.ค.68
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 พ.ย.68) โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เปิดให้ร้านค้าในกิจการประเภท อาหารและเครื่องดื่ม ลงทะเบียนเข้าร่วมผ่าน ฟู้ดเดลิเวอรีแพลตฟอร์ม ได้ตั้งแต่เวลา 06.00 – 23.00 น. โดยร้านค้าสามารถเลือกเข้าร่วมได้เพียง 1 แพลตฟอร์มเท่านั้น
สำหรับร้านค้าที่ผ่านการสมัครสำเร็จ จะสามารถเริ่มรับออเดอร์ภายใต้โครงการฯ ได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายนนี้ ตั้งแต่เวลา 06:00 – 21:00 น. และสามารถรับออเดอร์ได้ถึงเวลา 21:00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดโครงการ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการคลังว่า ข้อมูล ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2568 เวลา 23:00 น. พบว่า มีร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบและเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” แล้วจำนวน 799,205 รายทั่วประเทศ ยอดการใช้จ่ายสะสมภายใต้โครงการอยู่ที่ 11,236.43 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น เงินที่ภาครัฐร่วมจ่าย จำนวน 5,546.68 ล้านบาท เงินที่ประชาชนจ่ายเอง จำนวน 5,689.76 ล้านบาท
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ระหว่างเวลา 06:00 – 23:00 น. ผ่าน G-Wallet ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยแต่ละวันไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายให้เต็มวงเงินสิทธิ 200 บาท
นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงโครงการคนละครึ่ง พลัส ว่า จากการติดตามตรวจสอบพฤติการณ์ของร้านค้าในสื่อสังคมออนไลน์ ร่วมกับการวิเคราะห์ธุรกรรมของร้านค้าด้วยฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Data Analytics) กระทรวงการคลังได้ระงับสิทธิการเข้าร่วมโครงการฯ ของร้านค้าแล้วเป็นจำนวน 55 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2568) เนื่องจากมีพฤติการณ์รับแลกเงินและสแกนรับเงินห่างจุดขายแบบผิดปกติ
“ขอย้ำเตือนว่า กระทรวงการคลังจะดำเนินการเอาผิดกับร้านค้าที่ทุจริตในโครงการฯ อย่างถึงที่สุด ทั้งนี้โครงการฯ มีวัตถุประสงค์ชัดเจนที่รัฐบาลจะร่วมจ่ายค่าสินค้าหรือบริการกับประชาชนเพื่อบรรเทาภาระ และกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการจับจ่ายใช้สอยกับผู้ค้าขายรายเล็กที่สุจริต”
ย้ำการใช้จ่ายภายใต้โครงการฯ ต้องเป็นการซื้อขายสินค้าและบริการที่กำหนดไว้ ได้แก่ บริการนวด สปา ทำเล็บ ทำผม และขนส่งสาธารณะ โดยไม่สามารถใช้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ บัตรกำนัล บัตรเงินสด หรือบริการชำระล่วงหน้าอื่น ๆ
ทั้งนี้ ผู้ซื้อและผู้ขายต้องทำธุรกรรมแบบ พบหน้า (Face to Face) ผ่านการสแกน QR Code เพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการ โดยไม่ดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์หรือคนกลาง เว้นแต่การใช้สิทธิผ่านผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรีแพลตฟอร์ม ที่เข้าร่วมโครงการเท่านั้น

