
ตลท.ชี้ SET ต.ค. พุ่ง 2.8% คลายกังวลตึงเครียดสหรัฐ-จีน ชู P/E เหลือ 12.2 เท่า
ตลท.เผยดัชนีเดือน ต.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.8% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า มาปิดที่ 1,309.50 จุด และเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ขณะ P/E ตลาดอยู่ที่ 12.2 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และกลุ่มเทคโนโลยี-การเงินโดดเด่น
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือนตุลาคม 2568 ได้รับปัจจัยบวกจากหลายด้าน ทั้งความคาดหวังมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวของภาครัฐ ผลประกอบการกลุ่มธนาคารที่ออกมาดีกว่าคาด รวมถึงตัวเลขการส่งออกและจำนวนนักท่องเที่ยวที่สูงกว่าประมาณการ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในปี 2568 ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.8% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า มาปิดที่ 1,309.50 จุด และเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน
ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมในช่วงปลายเดือนมาจากการผ่อนคลายความกังวลเรื่องความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ภายหลังการประชุม APEC ที่ประเทศเกาหลีใต้ รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 3.75–4.00% เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังมองว่าเศรษฐกิจโลกในระยะยาวยังเผชิญความไม่แน่นอนสูงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าและการเงิน ความเสี่ยงจากเทคโนโลยี รวมถึงการประเมินมูลค่าหุ้นกลุ่ม AI ที่อาจสูงเกินจริง ตลอดจนความกังวลต่อระดับหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูง
นายศรพล กล่าวว่า มาตรการภาครัฐที่เน้นให้ประชาชนได้รับประโยชน์โดยตรง ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างเห็นผลในระยะสั้น และสามารถกระจายรายได้ทั่วประเทศ ขณะเดียวกันภาคส่งออกและการท่องเที่ยวที่ออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้นักวิเคราะห์เริ่มปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนหลายกลุ่มอุตสาหกรรม นอกจากนี้ จากข้อมูลในอดีตพบว่า ในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี ผู้ถือหน่วยลงทุนมักขายสุทธิในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ลดลง ขณะที่มีเงินทุนไหลเข้าสู่กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) เพิ่มขึ้น เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือนตุลาคม 2568
สำหรับดัชนี SET Index ปิดที่ 1,309.50 จุด เพิ่มขึ้น 2.8% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีดัชนีปรับลดลง 6.5% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทำผลงานดีกว่า SET Index ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงิน
มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 39,473 ล้านบาท ลดลง 27.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ช่วง 10 เดือนแรกของปีมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวม 42,659 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,496 ล้านบาท ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนตุลาคม มียอดขายสุทธิรวม 100,739 ล้านบาท โดยยังคงเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนการซื้อขายสูงสุด 51.81% ของมูลค่าการซื้อขายรวม ตามด้วยนักลงทุนรายย่อย 31.80% นักลงทุนสถาบันในประเทศ 9.77% และบริษัทหลักทรัพย์ 6.62%
เดือนตุลาคมมีบริษัทจดทะเบียนใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ (SET) จำนวน 3 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท แมสเทค ลิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTEC, บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ ATLAS และบริษัท ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ONSENS ส่วนตลาด mai มี 2 หลักทรัพย์ใหม่ ได้แก่ บริษัท อินดิจี จำกัด (มหาชน) หรือ IDG และ บริษัท 88(ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ 88TH
มูลค่าและอัตราส่วนทางการเงินของตลาดหลักทรัพย์
Forward P/E ของตลาด ณ สิ้นเดือนตุลาคมอยู่ที่ 12.2 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดในภูมิภาคเอเชียที่ 14.6 เท่า ขณะที่ Historical P/E อยู่ที่ 16.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเอเชียที่ 17.0 เท่า ส่วนอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อยู่ที่ 3.76% สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดในเอเชียที่ 2.96%
ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX)
เดือนตุลาคม 2568 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 406,504 สัญญา ลดลง 11.1% จากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะในกลุ่ม Single Stock Futures และ SET50 Index Futures ส่งผลให้ในช่วง 10 เดือนแรกของปีมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 422,081 สัญญา ลดลง 12.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

