
“สันติ ปิยะทัต” จับมือสภาผู้บริโภค ดัน 4 มาตรการเข้ม คุ้มครองสิทธิประชาชน
“สันติ” ถกสภาองค์กรผู้บริโภค เดินหน้าผลักดันกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค เร่งขับเคลื่อน 4 ประเด็นหลัก ทั้ง Lemon Law, ค่าน้ำ-ไฟเกินอัตรา, KYM ตรวจผู้ขายออนไลน์ และขยายกลไกคุ้มครองทั่วประเทศ
วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ที่ ห้องประชุม 302 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หารือแนวทางการทำงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกับสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค นำโดย นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค พร้อมคณะ โดยสภาองค์กรของผู้บริโภคพร้อมให้ความร่วมมือในการดำเนินงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคตามนโยบายของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ซึ่งการทำงานร่วมกันระหว่างสภาองค์กรของผู้บริโภค และ สคบ. ที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความราบรื่น
นางสาวสารี ได้เสนอประเด็นการหารือ ภายใต้กรอบการผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค นโยบายและมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคที่สภาองค์กรของผู้บริโภคได้หารือกับ สคบ.ร่วมมือกันในการขับเคลื่อนประเด็นสำคัญให้เกิดผลในระยะ 4 เดือน และการรับทราบนโยบายการคุ้มครองผู้บริโภค รวม 4 ประเด็น ได้แก่
1.ผลักดันกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคในส่วนภูมิภาคให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อขยายฐานการคุ้มครองให้รอบด้าน เพื่อให้ผู้บริโภคในทุกจังหวัดสามารถเข้าถึงสิทธิและกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง
2.ผลักดันแนวทาง Know Your Merchant (KYM) เพื่อยกระดับความโปร่งใสในการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์และการขายตรง ให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบตัวตนของผู้ขายทั้งในช่องทางออนไลน์และการขายตรง โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องจดแจ้งกับ สคบ. และแสดงหมายเลขทะเบียนบนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์ม ช่วยลดความเสี่ยงจากการซื้อขายกับผู้ขายที่ไม่สามารถติดตามตัวได้ และป้องกันการหลอกลวงจากกลุ่มสแกมเมอร์ที่แฝงตัวในช่องทางออนไลน์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้าและการบริการอย่างปลอดภัย
3.เร่งบังคับใช้กฎหมาย ป้องกันการเรียกเก็บค่าน้ำค่าไฟเกินอัตราในที่พักอาศัย เพื่อคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคจากการถูกเรียกเก็บค่าสาธารณูปโภคเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านเช่าและหอพัก ซึ่งยังพบการฝ่าฝืนประกาศที่ห้ามเรียกเก็บค่าสาธารณูปโภคเกินอัตรา ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะนักเรียนและนักศึกษา โดยขอให้ สคบ. ดำเนินมาตรการลงโทษผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตาม
4.ผลักดันร่างกฎหมายความชำรุดบกพร่อง (Lemon Law) เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าที่มีตำหนิหรือใช้งานไม่ได้ แม้จะผ่านการซ่อมแล้วก็ตาม โดยเสนอให้ผู้บริโภคมีสิทธิคืน เปลี่ยน หรือยกเลิกการใช้สินค้า โดยได้รับเงินคืนจากผู้ขาย ลดภาระการฟ้องร้องด้วยตนเอง รวมถึงการตั้งกองทุนเยียวยาความเสียหายจากสินค้าชำรุด เพื่อสร้างความมั่นใจและสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้บริโภค
ทั้งนี้ นายสันติ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการประสานการทำงานร่วมกับภาคประชาสังคมและเอกชน จึงได้เชิญสภาองค์กรของผู้บริโภคมาร่วมหารือแนวทางการทำงานร่วมกัน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยดี โดยรัฐบาลจะเร่งผลักดันนโยบายเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคให้เร็วที่สุด แม้บางเรื่องอาจดำเนินการไม่ทันในวาระรัฐบาลชุดนี้ แต่จะเสนอไว้เพื่อให้รัฐบาลชุดต่อไปสามารถสานต่อได้ทันที โดยสาระสำคัญในการหารือครั้งนี้ ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า จะเร่งผลักดันนโยบายคุ้มครองผู้บริโภค ทั้งการสร้างกลไกในระดับจังหวัด ผลักดันกฎหมาย Lemon Law เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคจากสินค้าที่บกพร่องหรือไม่ได้มาตรฐาน และแก้ปัญหาค่าสาธารณูปโภคในหอพัก เพื่อให้ประชาชนได้รับสิทธิอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง

