ค่าไฟรอบใหม่ไม่เกิน 3.94 บาท

ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติให้เปิดรับฟังความคิดเห็นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าสำหรับงวดม.ค.-เม.ย. 69


ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติให้เปิดรับฟังความคิดเห็นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าสำหรับงวดม.ค.-เม.ย. 69 เป็น 2 กรณีโดยเรียกเก็บที่ 4.58 บาทต่อหน่วย และ 3.94 บาทต่อหน่วย

จากต้นทุนหลักทั้งราคาก๊าซธรรมชาติตลาดโลกปรับลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับการแข็งค่าของเงินบาท เทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐส่งผลดีเชิงบวกต่อค่าไฟแนวโน้มค่าไฟจึงเข้าสู่ภาวะขาลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้กกพ.มีช่องว่าง โอกาส และทางเลือกในการบริหารความสมดุล ระหว่างการลดลงของต้นทุนค่าไฟกับการรักษาเสถียรภาพ และความมั่นคงของระบบพลังงานได้พร้อมกัน

นั่นทำให้การทบทวนค่าไฟในงวดต้นปีหน้า จึงยังสามารถตรึงค่าไฟให้อยู่ในระดับเดิมได้  อีกทั้งมีช่องทางการเร่งลดภาระการเงินด้านเชื้อเพลิงล่วงหน้าให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เพิ่มเติม..!?

ที่ผ่านมากกพ.มีการทยอยชำระคืนภาระหนี้ค่าเชื้อเพลิงจากต้นทุนคงค้าง (AF) ให้แก่กฟผ.และปตท. อย่างต่อเนื่อง โดยช่วงเดือนพ.ค.-ส.ค. 68 กกพ.มีมติให้นำเงินเรียกคืนส่วนเกินรายได้ของการไฟฟ้ามาช่วยลดค่าไฟฟ้าจำนวน 12,200 ล้านบาท และเห็นชอบให้ทยอยคืนค่า AFGas รวม 6 งวด

โดยเริ่มคืนงวดแรกช่วงเดือนพ.ค.-ส.ค. 68 ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2568 ยอดคงค้างของค่า AF ลดลงเหลือ 47,058 ล้านบาท และต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติคงค้างของรัฐวิสาหกิจ ลดลงเหลือประมาณ 12,000 ล้านบาท แม้จะลดลงมาก แต่เป็นปัจจัยลบที่กดดันค่าเอฟทีต่อไป จนกว่าจะชำระภาระค่าเชื้อเพลิงคงค้างทั้งหมด

เหตุที่กกพ.ไม่สามารถประกาศปรับลดค่าเอฟทีและค่าไฟ ให้สอดคล้องกับต้นทุนที่ลดลงได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากจำเป็นต้องทยอยชำระคืนค่า AF ที่เกิดขึ้นจริงของกฟผ.และปตท.เพื่อให้ 2 หน่วยงานสามารถฟื้นเสถียรภาพทางการเงินและ รักษาความมั่นคงของระบบพลังงานโดยรวมได้ต่อเนื่อง

โดยกกพ.มีมติให้สำนักงานกกพ.ดำเนินการเปิดรับฟังความคิดเห็นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค.- เม.ย. 69 แบ่งเป็น 2 กรณี..

กรณีที่ 1 :ผลการคำนวณตามสูตรการปรับค่า Ft (จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างกฟผ.ทั้งหมด) ค่า Ft ขายปลีกเท่ากับ 79.75 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะเป็นการเรียกเก็บตามผลการคำนวณตามสูตรการปรับค่า Ft ที่สะท้อนแนวโน้ม (1) ต้นทุนเดือนมกราคม-เมษายน 2569 จำนวน 6.11 สตางค์ต่อหน่วย และ (2) เงินเรียกเก็บเพื่อชดเชยต้นทุนคงค้าง (AF) ที่เกิดขึ้นจริงของ กฟผ. ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2568 จำนวน 47,058 ล้านบาท หรือคิดเป็น 73.64 สตางค์ต่อหน่วย

กฟผ.จะได้รับเงินที่รับภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าแทนประชาชนตั้งแต่เดือนกันยายน 2564-เมษายน 2568 ช่วงสภาวะวิกฤตของราคาพลังงานที่ผ่านมา คืนทั้งหมดภายในเดือน เมษายน 2569 เพื่อนำไปชำระหนี้เงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องให้มีสถานะทางการเงินคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็วเมื่อรวมค่า Ft ขายปลีกที่คำนวณได้กับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.58 บาทต่อหน่วย โดยค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศจะเพิ่มขึ้น 16% จากระดับ 3.94 บาทต่อหน่วยในงวดปัจจุบัน

กรณีที่ 2 ตรึงค่า Ft เท่ากับงวดปัจจุบัน (ข้อเสนอกฟผ.) ค่า Ft ขายปลีก เท่ากับ 15.72 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะสะท้อนแนวโน้มต้นทุนเดือนมกราคม-เมษายน 2569 จำนวน 6.11 สตางค์ต่อหน่วย และทยอยชำระคืนภาระต้นทุน AF คงค้างสะสมได้จำนวน 6,141 ล้านบาทหรือคิดเป็น 9.61 สตางค์ต่อหน่วย เพื่อนำไปพิจารณาทยอยคืนภาระค่า AF บางส่วนให้แก่กฟผ.เมื่อรวมค่า Ft ขายปลีกกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยคงที่เท่ากับ 3.94 บาทต่อหน่วย เช่นเดียวกับปัจจุบัน

จาก 2 กรณีดังกล่าวฟันธงเลยว่า “ไม่มีใครอาจหาญ” เลือกจ่ายค่าไฟ 4.58 บาทต่อหน่วยแน่นอน นั่นหมายถึงค่าไฟงวดใหม่จ่ายเท่าเดิม 3.94 บาท เว้นซะแต่ว่ารัฐบาลจะไปหักหัวคิวกำไรปตท.เหมือนดั่งที่เคยเกิดขึ้น “ครั้งแล้ว..ครั้งเล่า” นั่นแหละค่าไฟต่ำกว่า 3.94 บาทชัวร์..!!??

Back to top button