MEDEZE ส่งซิก Q4 ฟื้นตัว ลุยพัฒนาน้ำยาเลี้ยงเซลล์-รับเทรนด์ ATMP

MEDEZE คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 4/68 ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายรายได้ปี 2568 ลงเหลือ 750–770 ล้านบาท จากเดิมที่คาดไว้ 1,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าพัฒนาน้ำยาเลี้ยงเซลล์ร่วม GPO พร้อมต่อยอดธุรกิจเวชศาสตร์ฟื้นฟู รับเทรนด์ ATMP เตรียมขยายตลาดเชิงการแพทย์เต็มรูปแบบในปีหน้า


นพ.วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 11 พ.ย.68 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 30.54 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 181.27 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากรายได้เซลล์ต้นกําเนิดจากเนื้อเยื่อสายสะดือ และค่าใช้จ่ายในการขายลดลง

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/68 คาดว่าผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 3 ทั้งในด้านรายได้และกำไร เนื่องจากไตรมาส 4 เป็นช่วงเวลาที่ดีของธุรกิจตามปกติ

ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมความพร้อมทั้งในด้านบุคลากร โครงสร้างพื้นฐาน และระบบมาตรฐาน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ โดยเฉพาะการดำเนินงานตามมาตรฐาน GMP และการพัฒนาโครงการ Advanced Therapy Medicinal Products Sandbox (ATMPs Sandbox) ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญต่อการเติบโตระยะยาวของบริษัท นอกจากนี้ MEDEZE อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านจากผู้ให้บริการธนาคารสเต็มเซลล์สู่ บริษัทชีวเภสัชกรรม (Biopharmaceutical Company) อย่างเต็มรูปแบบ

โดยบริษัทยังได้ก่อตั้ง ATMPs Cluster Thailand เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางนวัตกรรมทางการแพทย์ (Medical Innovation Hub) โดยครอบคลุมทั้งกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ

สำหรับการดำเนินโครงการ ATMPs Sandbox จะเริ่มนำร่องที่ 2 แห่ง ได้แก่ ศูนย์การแพทย์บางรัก และศูนย์โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โดยเน้นการวิจัยและพัฒนาการรักษาโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม และโรคผิวหน้าเสื่อมตามวัย ในปี 2569 จะเริ่มทดลองทางคลินิกโดยมีผู้เข้าร่วม 120 คนต่อโรค ทั้งนี้ คาดว่าจะได้ผลลัพธ์ภายในกลางปี 2569 และเตรียมขึ้นทะเบียนยาในไตรมาส 4/69

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายรายได้ปี 2568 ลงมาอยู่ที่ระดับ 750–770 ล้านบาท จากเดิมที่คาดไว้ 1,000 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการลดลงของลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวกัมพูชาที่ถือเป็นฐานรายได้สำคัญ

ด้านโครงสร้างรายได้ บริษัทระบุว่า ธุรกิจหลักด้านการจัดเก็บสเต็มเซลล์สำหรับทารกแรกเกิด ยังคงมีเสถียรภาพ ขณะที่บริการเสริมที่มีราคาสูง เช่น “สัญญาเพิ่มจำนวนเซลล์” ได้รับผลกระทบจากการที่ลูกค้าชะลอการตัดสินใจ ขณะเดียวกัน กลุ่มลูกค้าพรีเมียมซึ่งนิยมคลอดบุตรในโรงพยาบาลชั้นนำและใช้บริการเก็บ–ขยายสเต็มเซลล์ทันที มีการชะลอตัวลงอย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 3 ส่งผลต่อรายได้รวมของบริษัท

ด้านบริการจัดเก็บสเต็มเซลล์จากไขมันสำหรับผู้ใหญ่ มีการเติบโตต่อเนื่อง ทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนการตอบรับที่ดีต่อแนวคิด ATMP (Advanced Therapy Medicinal Products) และแนวโน้มการใช้สเต็มเซลล์เพื่อการรักษาและเวชศาสตร์ฟื้นฟู แม้ว่ารายได้ส่วนนี้ยังไม่สามารถทดแทนรายได้จากลูกค้ากัมพูชาได้ทั้งหมด แต่ถือเป็นสัญญาณบวกที่สะท้อนศักยภาพการเติบโตในอนาคต

สำหรับปี 2569 บริษัทตั้งเป้ารายได้กลับไปที่ระดับ 1,000 ล้านบาท โดยอาศัยการเติบโตจากธุรกิจหลัก (Organic Growth) และการขยายบริการด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูให้ครอบคลุมมากขึ้น

ส่วนในปี 2570 บริษัทวางเป้าหมายให้เป็น “ปีแห่งการเปลี่ยนผ่าน” (Transformation Year) โดยคาดว่า สเต็มเซลล์จะได้รับการจดทะเบียนเป็นยา ภายในไตรมาส 4 ซึ่งจะเปิดตลาดใหม่ไปยังกลุ่มโรงพยาบาลที่ต้องการใช้สเต็มเซลล์เพื่อการรักษาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ในด้านการลงทุน บริษัทมีแผนลงทุนรวมประมาณ 105 ล้านบาท ภายใต้ความร่วมมือกับองค์การเภสัชกรรม (GPO) ซึ่งจะเข้าถือหุ้นประมาณ 40% โดย MEDEZE จะรับผิดชอบด้านสูตรน้ำยาเลี้ยงเซลล์ สำหรับใช้ลงทุน อาคาร ห้องปราศจากเชื้อ และระบบน้ำWI (สะอาดเทียบเท่าน้ำเกลือ) ส่วน GPO จะดูแลด้านการผลิตตามมาตรฐาน GMP

Company Snapshot

Back to top button