“ไทย” แถลงปมเขมรเป็นภัยมั่นคง ยันไม่เกี่ยวมิติการค้า หวัง “ไทย-สหรัฐ” สานต่อความร่วมมือ

โฆษกรัฐบาลชี้ ประเด็นชายแดนไทย–กัมพูชา เป็นปัญหาด้านความมั่นคงที่ต้องแยกจากการค้า พร้อมเผย “ทรัมป์” ย้ำต่อ “อนุทิน” จะไม่แทรกแซงประเด็นทวิภาคี ขณะที่ไทยหวังความร่วมมือไทย–สหรัฐฯ เดินหน้าต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 พ.ย.68) เวลา 15:30 น. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงพัฒนาการล่าสุดในสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา และประเด็นอื่นที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานต่อรัฐบาล

ภาพ : สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม

ประเด็นแรก เป็นผลจากการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อค่ำวานนี้ ซึ่งมีนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับฟังด้วย

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สอบถามสถานการณ์ล่าสุดที่ชายแดน นายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสนี้อัปเดตข้อมูลและย้ำว่า ทั้งสองประเทศต้องปฏิบัติตามถ้อยแถลงร่วมเพื่อก้าวสู่สันติภาพ พร้อมแสดงความเสียใจที่กัมพูชาฝ่าฝืนข้อตกลงก่อน โดยเฉพาะเรื่องการติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ ทั้งที่ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันให้เก็บกู้และงดการติดตั้งเพิ่มเติม

โฆษกรัฐบาล ระบุอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตนเองและยืนยันว่า พบการลักลอบติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ ส่งผลให้ทหารไทยที่ลาดตระเวนตามปกติได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นสูญเสียขา ฝ่ายไทยยังได้เชิญคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT: ASEAN Observer Team–Thailand) ลงพื้นที่เมื่อวานนี้เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง

สำหรับคำถามของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับความคาดหวังของไทย นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า ไทยยึดมั่นในสันติภาพ แต่กัมพูชาต้องยอมรับข้อเท็จจริง แสดงความรับผิดชอบ และมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้อีก โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ กัมพูชาต้องเปิดพื้นที่ 13 จุดตามที่เคยหารือกัน เพื่อให้ไทยเข้าดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดได้อย่างปลอดภัย

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รับฟังด้วยความเข้าใจ พร้อมย้ำว่า สหรัฐฯ และมาเลเซีย พร้อมสนับสนุนเพื่อให้กระบวนการสันติภาพเดินหน้าต่อ แต่ไม่ประสงค์แทรกแซงกลไกทวิภาคีระหว่างไทย–กัมพูชา ซึ่งเป็นจุดยืนสำคัญของไทย

ประเด็นที่สอง การหารือทางโทรศัพท์ระหว่างนายกรัฐมนตรี และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย หลังการสนทนากับผู้นำสหรัฐฯ เพื่อประสานและแบ่งปันข้อมูลที่ได้หารือ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้แสดงความเข้าใจและพร้อมสนับสนุนในฐานะประธานอาเซียน โดยคำนึงถึงข้อเสนอของไทยที่ระบุว่า “การเก็บกู้ทุ่นระเบิด” คือหัวใจสำคัญของข้อตกลงตามปฏิญญาร่วม ซึ่งทั้งสหรัฐฯ และมาเลเซียต่างรับทราบจุดยืนนี้ของไทยแล้ว

ประเด็นสุดท้าย กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า ไทยได้รับแจ้งจาก รองผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ฝ่ายสหรัฐฯ ขอ “ระงับชั่วคราว” การเจรจากรอบความตกลงภาษีต่างตอบแทนไทย–สหรัฐฯ โดยจะกลับมาหารือได้อีกครั้งเมื่อไทยให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติตาม Joint Declaration อย่างเคร่งครัด

ในประเด็นนี้ รัฐบาลไทยมีความผิดหวังต่อท่าทีดังกล่าว เพราะประเทศไทยยืนยันมาโดยตลอดว่า ประเด็นด้านความมั่นคงกับกัมพูชาเป็นเรื่องทวิภาคีที่ต้องพิจารณาแยกจากเรื่องการค้า ซึ่งเป็นผลประโยชน์ร่วมไทย–สหรัฐฯ ด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ เองยังได้ย้ำในการหารือกับนายกรัฐมนตรีว่า “สหรัฐฯ ไม่ประสงค์แทรกแซงปัญหาไทย–กัมพูชา” ตามกลไกทวิภาคีที่มีอยู่

รัฐบาลยินดีที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รับฟังด้วยความเข้าใจ และหวังว่า ท่าทีของสหรัฐฯ ในประเด็นการค้าและภาษี สามารถหารือและเจรจาต่อไปได้ โดยไม่กระทบต่อกรอบความร่วมมือสำคัญในด้านอื่น ๆ ที่ทั้งสองประเทศมีมาอย่างแน่นแฟ้นและยาวนาน

“รัฐบาลขอย้ำว่า ประเทศไทยจะยืนหยัดบนพื้นฐานผลประโยชน์แห่งชาติเป็นสำคัญ พร้อมทั้งรักษาจุดยืนด้านความมั่นคงและอธิปไตยอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ไทยยังพร้อมร่วมมือกับสหรัฐฯ ในประเด็นความร่วมมือด้านอื่น ๆ ที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อสนับสนุนเสถียรภาพ ความมั่นคง และการพัฒนาทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่อไป” นายสิริพงศ์ กล่าว

ที่มา thaigov.go.th

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ด่วน! “สหรัฐ” ระงับเจรจาการค้า “ไทย” ชั่วคราว กดดันกลับสู่ปฏิญญาสันติภาพ “กัมพูชา”

Back to top button