MGC ผงาดเวทีโลก! คว้ารางวัล Best Organization 2025 ตอกย้ำผู้นำตลาดพรีเมียมอีวี

MGC คว้ารางวัลระดับโลก Best Organization Award 2025 จากความสำเร็จของ XPENG และเครือข่ายดีลเลอร์คุณภาพ ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถพรีเมียม–อีวี


บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,526% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 5,859 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) แตะ 738 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ส่งผลให้ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 362 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 619% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 14,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) แตะ1,601 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการควบคุมและบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างโดดเด่น ส่งผลให้คณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญ ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท

โดยจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 (Record Date) และกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 พร้อมจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในวันที่ 12 ธันวาคม 2568

ด้าน ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม MGC เปิดเผยว่า ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทฯ มุ่งเน้นการวางแผนธุรกิจอย่างชัดเจนและครอบคลุม โดยทิศทางไตรมาสสุดท้าย (ไตรมาส 4/2568) มีแนวโน้มดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และเป็นช่วงตัดสินใจเปลี่ยนรถยนต์ใหม่ นอกจากนี้ยังมีการนำรถยนต์เข้ารับบริการหลังการขาย เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางในช่วงวันหยุดยาว ทำให้บริษัทฯ ได้เดินหน้ากระตุ้นยอดขายแบบครบวงจรภายใต้ MGC Ecosystem อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด XPENG เพิ่งเปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะเพิ่มอีก 1 รุ่น คือ ‘G6 Standard Range’  ที่เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีและประสิทธิภาพที่ได้รับ นับว่าคุ้มค่ากับราคา 1,189,000 บาท ส่วนรถตู้ไฟฟ้าอัจฉริยะยอดนิยม XPENG X9 ขึ้นเป็นอันดับ 1 ด้านยอดจดทะเบียนสะสม 5 เดือนต่อเนื่อง และ MGC-ASIA ก็เตรียมจัดทัพใหญ่ร่วมงาน Motor Expo 2025 ครั้งที่ 42 วันที่ 29 พ.ย.–10 ธ.ค. 68 เพื่อกระตุ้นยอดขายส่งท้ายปี คาดว่าจะได้รับออเดอร์ใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เป็นการเพิ่มยอด Backlog ที่รอส่งมอบ ณ ปัจจุบัน (12 พ.ย. 2568) อยู่ที่ 634 คัน แบ่งเป็น  XPENG 129 คัน, ZEEKR 91 คัน, Rolls-Royce 7 คัน, BMW 135 คัน, MINI 30 คัน, HONDA 163 คัน, Harley-Davidson 44 คัน, BMW Motorrad 34 คัน และเรือแม่น้ำ Chris-Craft จำนวน 1 ลำ

ทั้งนี้ จากกลยุทธ์ดังกล่าวสะท้อนถึงผลประกอบการในงวดไตรมาส 3/2568 ของบริษัทฯ ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น แบ่งเป็น ธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ : มีรายได้อยู่ที่ 10,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดจองซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ Rolls-Royce, BMW, MINI, Honda และโดยเฉพาะ XPENG ที่มีกระแสตอบรับดีเกินคาด นับเป็นการเติบโตที่สำคัญที่สุดของกลุ่มในปีนี้ การันตีด้วยรางวัลระดับโลก ‘Best Organization Award 2025’ จากบริษัทแม่ กับเครือข่ายผู้จำหน่าย 15 รายในปัจจุบัน พร้อมแผนการขยายอีก 6 ดีลเลอร์ รวมเป็น 21 สาขา ช่วงไตรมาส 1/2569

กลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ : มีรายได้ 2,849 ล้านบาท จากยอดใช้บริการที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถยนต์แบบครบวงจร (One-Stop Service) ตอกย้ำถึงศักยภาพการให้บริการด้านการจัดการ งานบริการซ่อมได้ครอบคลุมตามมาตรฐานสากล ทำให้ธุรกิจในกลุ่มนี้สามารถสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้กับบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง

กลุ่มธุรกิจให้บริการรถเช่า และพนักงานขับ : มีรายได้ 1,263 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มจำนวนรถฟลีท โดยเฉพาะฟลีทรถยนต์ BMW, MINI และรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ชั้นนำ เพื่อรองรับการปล่อยเช่าทั้งระยะสั้นและระยะยาว ตามความต้องการที่สูงขึ้น และสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

กลุ่มธุรกิจอื่นๆ : มีรายได้อยู่ที่ 44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตใกล้เคียงตามแผนที่วางไว้ โดยในส่วนธุรกิจให้บริการด้านการเงิน ภายใต้ บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด (Alpha X) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) โดยมีการเติบจากรายได้ของพอร์ตสินเชื่อเพื่อความมั่งคั่ง (Wealth Lending) ส่งผลให้กำไรก่อนสำรองเพิ่มขึ้นกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ จากการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ธุรกิจบริการประกันภัย ที่บริหารงานโดย บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (Howden Maxi) สามารถทำรายได้แตะระดับ 91 ล้านบาท เติบโต 21.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 26 ล้านบาท จากยอดขายในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างโดดเด่น

Back to top button