“ศาลฎีกา” พิพากษากลับ! เรียกเก็บภาษี “หุ้นชินคอร์ป“ 1.76 หมื่นล้านบาท
ศาลฎีกาพิพากษากลับ ยกผลชนะสองศาลแรกของ “ทักษิณ” เห็นชอบคำสั่งประเมินภาษีขายหุ้นชินคอร์ปของกรมสรรพากร ส่งผลให้ต้องเดินหน้ากระบวนการเรียกเก็บภาษี 1.76 หมื่นล้านบาทตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 พ.ย.68) ศาลฎีกามีคำพิพากษากลับในคดีภาษีเงินได้ จากการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มูลค่า 1.76 หมื่นล้านบาท ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ฟ้องกรมสรรพากร และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต่อศาลภาษีอากรกลาง ขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.12)
คดีนี้ในชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ ศาลภาษีอากรกลางและศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีภาษีอากร พิพากษาเพิกถอนการประเมินภาษีของกรมสรรพากร โดยเห็นว่า เจ้าพนักงานประเมินไม่ได้ออกหมายเรียกตรวจสอบนายทักษิณ ตามมาตรา 19 ประมวลรัษฎากร ทำให้การออกหนังสือแจ้งภาษีเป็นการดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมาย และโจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิฟ้องคดีโดยไม่สุจริต
ผลคือ นายทักษิณชนะคดีในสองศาลแรก และไม่ต้องเสียภาษี 1.76 หมื่นล้านบาท จากการขายหุ้นชินคอร์ปให้กลุ่มเทมาเส็กผ่านบริษัทแอมเพิล ริช อินเวสท์เม้นท์ จำกัด
อย่างไรก็ตาม เมื่อกรมสรรพากรยื่นฎีกา ศาลฎีกาได้ พิพากษากลับ ในวันนี้ (17 พ.ย.68) ให้ ยกฟ้องโจทก์ ส่งผลให้คำสั่งเรียกเก็บภาษีของกรมสรรพากร กลับมามีผลบังคับตามขั้นตอน ซึ่งหมายความว่า นายทักษิณต้องปฏิบัติตามกระบวนการเรียกเก็บภาษีของกรมสรรพากรต่อไป

