เปิดโผ 47 บจ. โชว์งบ Q3 กำไรโตเกิน 100% ชู AYUD-MGC-BWG นำโด่งทะลัก 20 เท่าตัว

เปิดรายชื่อ 47 บจ. โชว์กำไรไตรมาส 3/68 โตแรงเกิน 100% นำทีมเด่น AYUD MGC, BWG,PROUD , LOXLEY, MINT, ETC, NVD, IP, GENCO, JAS, RT, ANAN และ WHAUP จับตาผลงานทั้งปี 68 เติบโตแกร่ง


บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแห่งประเทสไทย (SET) ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/68 สิ้นสุดวันที่ 31 กันยายน 2568 ออกมาครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว ผลปรากฏว่ามีจำนวน 47 บริษัท กวาดกำไรสุทธิเปลี่ยนแปลงเกินกว่า 100% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน

ขณะเดียวกันเมื่อเจาะลึกไปอีกพบ 13 บริษัท กวาดกำไรได้แข็งแกร่ง ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนเกิน 500% ได้แก่ MGC, BWG, PROUD, LOXLEY, MINT, ETC, NVD, IP, GENCO, JAS, RT, ANAN และ WHAUP ซึ่งมีรายละเอียดสนับสนุนผลการดำเนินงาน ดังนี้

บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ AYUD ไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิ 717.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 23.42 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 2,964% สะท้อนการพลิกฟื้นผลการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับฐานกำไรที่ต่ำในปีก่อน

บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGCบริษัทรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 252.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,513.29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 9.68 ล้านบาท โดยหลักมาจากส่วนแบ่งกําไรจาก 1.บริษัทร่วมทางอ้อม Neo Mobility Asia ที่เริ่มส่งมอบรถยนต์ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/2567 และเริ่มรับรู้กําไรในปี 2568 มาจนถึงกรกฎาคม 2568 และผลการดําเนินของกลุ่มธุรกิจจําหน่ายรถยนต์ ,2.การร่วมค้าทางตรง Alpha X ที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของรายได้ในธุรกิจ Wealth lending กับลูกค้ากลุ่มมั่งคั่ง (Ultrahigh net worth) และสามารถควบคุมต้นทุนการดําเนินงานได้ตามแผนที่ตั้งไว้ และ 3.ผลประกอบการของบริษัทร่วม ทางตรง Howden Maxi ที่เพิ่มขึ้น

โดยในไตรมาส 3/68 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ จำนวน 5,858.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 4,503.7 ล้านบาท  โดยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากกลุ่มธุรกิจจําหน่ายยานยนต์ในไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 10,422.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 10,107.6 ล้านบาท

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมในอัตรา 0.14 บาทต่อหุ้น กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 12 ธันวาคม 2568

บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG มีกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 340.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,038% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 15.94 ล้านบาท

ด้านนางสาวณัฐพรรณ เหลืองวิริยะ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาธุรกิจและสื่อสารองค์กร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างโดดเด่นในครั้งนี้ ตอกย้ำความสำเร็จของกลยุทธ์การบริหารงานของบริษัทฯ ปัจจัยหลักมาจากการรับรู้กำไรพิเศษจากการจำหน่ายเงินลงทุนในกิจการร่วมค้า  ซึ่งเป็นไปตามแผนการปรับโครงสร้างการลงทุนที่เหมาะสมและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น

ในขณะเดียวกัน ธุรกิจหลัก (Core Business) ของเรายังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะรายได้จากกลุ่มเชื้อเพลิงขยะ (SRF) ในงวด 9 เดือนที่เติบโตถึง 31% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตที่ยั่งยืนของธุรกิจพลังงานทดแทน โดยมั่นใจว่า BWG จะยังคงรักษาโมเมตัมการเติบโตที่แข็งแกร่งนี้ต่อไป เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับนักลงทุน

สำหรับแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 4/2568 นี้ BWG เริ่มเข้าสู่ช่วง Peak ในรอบปีคาดว่าจะมีรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับธุรกิจการให้บริการและการขายเชื้อเพลิง SRF นอกจากนี้กลุ่มโรงไฟฟ้าก็มีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2568 นี้คาดว่ากลุ่ม BWG จะสามารถทำรายได้รวมทะลุ 3,000 ล้านบาทได้สำเร็จ

บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD ไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิ 55.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,825.59% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.86 ล้านบาท

นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร PROUD เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3/68 บริษัทมีรายได้รวม 1,239 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 232 ล้านบาท จำนวน 1,007 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 435% และมีกำไรสุทธิ 55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,826%

ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 68 มีรายได้รวม 5,013 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,015 ล้านบาท จำนวน 2,998 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 149% และมีกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 92 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 58%

ผลประกอบการของบริษัทเติบโตต่อเนื่องจากการทยอยรับรู้รายได้การโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่ประสบความสำเร็จตามแผน ได้แก่ โครงการ เวหา หัวหิน (VEHHA Hua Hin) จำนวน 1,018 ล้านบาท โครงการ วี อารีย์ (VI Ari) จำนวน 218 ล้านบาท โครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 (Nue District R9) จำนวน 3,656 ล้านบาท และสามารถปิดการขายและโอนกรรมสิทธิ์โครงการ นิว ครอส คูคต สเตชัน (Nue Cross Khu Khot Station) ได้อย่างสมบูรณ์

โดยผลการดำเนินงานตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรที่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นผลจากความสำเร็จในการส่งมอบโครงการคุณภาพตรงตามกำหนด แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัว แต่บริษัทยังสามารถรักษาความแข็งแกร่งของยอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 3/68 รวมกว่า 6,985 ล้านบาท และคาดว่าจะทยอยรับรู้เป็นรายได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีถัดไป

บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ LOXLEY มีกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 128.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น1,724% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.05 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากความสามารถในการสร้างกำไรจากกิจกรรมดำเนินงานที่ดีขึ้น และการได้รับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและการร่วมค้าไตรมาส 3/68 เท่ากับ 156 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีส่วนแบ่งกำไรเท่ากับ 82 ล้านบาท

โดยส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้มขึ้น จากผลประกอบการของบริษัทร่วมหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจผลิตลิตภัณฑ์เหล็กเคลือบ และกลุ่มธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น ยังคงมีผลกำไรที่ดีจากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และและผลบวกจากปัจจัยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าลดลง นอกจากนี้ผลประกอบการที่ดีขึ้นของกลุ่มธุรกิจให้บริการรักษาความปลอดภัยซึ่งเป็นผลมาจากรายได้และอัตรากำไรขั้นที่ปรับตัวดีขึ้นตามสัญญาให้บริการใหม่ของบริษัทร่วมซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2568

Back to top button