
“ศาลแพ่ง” คุมเข้มใช้ AI ทำคำคู่ความ-เอกสารคดี ต้องเปิดเผย-ตรวจสอบข้อเท็จจริง
“ศาลแพ่ง” ประกาศข้อกำหนดใหม่ว่าด้วยการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการทำคำคู่ความ บังคับทนายและคู่ความต้องเปิดเผย ตรวจสอบความถูกต้อง และรับผิดชอบเต็มรูปแบบ ห้ามอ้างความผิดพลาดของเอไอเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิด เริ่มมีผล 17 พ.ย.68
นายธานี สิงหนาท อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง เปิดเผยข้อกำหนดของศาลแพ่ง ว่าด้วยการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการจัดทำคำคู่ความหรือเอกสารอื่นใดเพื่อยื่นต่อศาล พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยระบุว่า
เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน ท่าให้คู่ความสามารถนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการจัดทำคำคู่ความหรือเอกสารอื่นใดเพื่อยื่นต่อศาล หรือนำผลลัพธ์ที่ได้มาจากการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาใส่ไว้ในคำคู่ความหรือเอกสารนั้น อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายและกระทบต่อความเชื่อมั่นศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรม
ประกอบกับประธานศาลฎีกาได้ออกคำแนะนำของประธานศาลฎีกา เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการปฏิบัติงานคดี พ.ศ.๒๕๖๘
ดังนั้น เพื่อให้การยื่นคำคู่ความและเอกสารดังกล่าวต่อศาล เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และคงไว้ซึ่งความยุติธรรมของกระบวนการพิจารณาในชั้นศาล อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐ เห็นควรออกข้อกำหนดไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ในกรณีที่ทนายความเป็นผู้จัดทำคำค่าคู่ความหรือเอกสารโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือนำเนื้อหาอันเป็นผลลัพธ์ที่ได้มาจากการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มายื่นต่อศาล ทนายความพึงระลึกถึงความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบต่อกระบวนพิจารณาคดีของศาลตามกฎหมายมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณในวิชาชีพหนายความ รวมทั้งความเหมาะสมของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่นำมาใช้
ข้อ ๒ ให้คู่ความตรวจตอบความถูกต้องของข้อเท็จจริง ตัวบทกฎหมาย และหลักฐานอ้างอิงในคำคู่ความหรือเอกสารที่ทำขึ้นจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ทุกส่วนว่าถูกต้องและครบถ้วนก่อนยื่นต่อศาล
ข้อ ๓ คู่ความต้องเปิดเผยให้ศาลทราบว่าใช้เหตุเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการจัดทำคำคู่ความและเอกสาร หรือนำเนื้อหาส่วนใดที่ได้มาจากการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มายื่นต่อศาลเพื่อความโปร่งใส โดยให้ระบุข้อความไว้ในตอนต้นของเนื้อหาส่วนที่จัดทำหรือได้มาจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในคำคู่ความและเอกสารนั้นว่า “เนื้อหาต่อไปนี้ทำขึ้นด้วยเทคโนโยลีปัญญาประดิษฐ์” และเมื่อเนื้อหาส่วนที่จัดทำโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นั้นสิ้นสุดลง ให้ระบุข้อความว่า “สิ้นสุดเนื้อหาที่ทำขึ้นด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์”
คำคู่ความหรือเอกสารที่มีเนื้อหาซึ่งจัดทำโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือนำเนื้อนำเนื้อหาส่วนใดที่ได้มาจากการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ในส่วนท้ายของคำคู่ความหรือเอกสารดังกล่าวคู่ความต้องรับรองเนื้อหาโดยระบุข้อความ ดังต่อไปนี้
“ข้อความบางส่วนใน (ชื่อเอกสาร) ฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยอาศัยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และข้าพเจ้าได้ตรวจสอบและรับรองความถูกต้องของข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายก่อนยื่นต่อศาลแล้ว”
ข้อ ๔ คู่ความต้องรับผิดชอบทางกฎหมายและจริยธรรมต่อเนื้อหาที่จัดทำหรือได้มาจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในคำคู่ความและเอกสารทุกส่วนที่ยื่นต่อศาล เสมือนหนึ่งจัดทำและเรียบเรียงด้วยตนเอง และถือว่าคู่ความตรวจสอบแล้วว่าเนื้อหาดังกล่าวไม่เป็นข้อมูลบิดเบือน ข้อมูลเท็จ และไม่มือคติในการใช้ข้อมูล โดยไม่สามารถอ้างความผิดพลาดของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้
กรณีพบการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดฉบับนี้ ให้เจ้าหน้าที่หรือผู้พิพากษารายงานไปยังผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อพิจารณาสั่งต่อไป และการฝ้าฝืนดังกล่าวอาจถือเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวรศาล ตามประมาลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๑
ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๘

