
“อนุทิน” ดันปฏิรูปเศรษฐกิจต่อเนื่อง เร่งขุน “ไทย” เป็นผู้ชนะยุค AI
นายกฯ ชี้เดินหน้าปรับโครงสร้าง–ปฏิรูปกฎหมายรับยุค AI พร้อมวางรากฐานการบริหารงานต่อเนื่อง สร้างศักยภาพแข่งขันในเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ยืนยันยังไม่จำเป็นต้องขึ้น VAT ในช่วงฟื้นตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 พ.ย.68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Change for the Future” ในงานสัมมนา PRACHACHAT OUTLOOK THAILAND 2026: ปรับ–เปลี่ยน–ไปต่อ
โดยสรุป นายกรัฐมนตรี ระบุถึงความจำเป็นที่ไทยต้องเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านกฎระเบียบ การพัฒนาคน และความสามารถในการแข่งขัน เพื่อรักษาตำแหน่งความได้เปรียบทางเศรษฐกิจในอนาคต
นายอนุทิน กล่าวว่า ประเทศที่จะสามารถ “ชนะ” ในยุคด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ คือประเทศที่คนทั้งสังคมเรียนรู้และปรับตัวได้เร็วที่สุด ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาลชุดนี้ในการสร้างคนให้พร้อมต่อการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี โดยรัฐบาลกำลังวางรากฐานทักษะใหม่ให้แรงงานไทยทั้งด้านดิจิทัล การใช้ AI เพื่อเพิ่มผลิตภาพ และการสร้างระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้แรงงานทุกช่วงวัยสามารถอัปสกิลและรีสกิลได้จริง และผลักดันเศรษฐกิจไทยให้แข็งแรงในเวทีโลก
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า แนวทางของไทยคือการเป็น “พันธมิตรแบบไม่ผูกขาด” กับประเทศต่าง ๆ ทำงานร่วมกันเฉพาะประเด็นที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน หากประเด็นใดไม่ลงตัวก็สามารถแยกกันเดินไปจับมือกับประเทศที่พร้อมร่วมมือได้ พร้อมระบุว่าไทยต้องเลิกเป็น “กระต่ายตื่นตูม” ต้องยืนบนขาตัวเองให้มั่นคง สร้างจุดแข็งที่ชัดเจน และยกระดับบทบาทสู่การเป็น “ขั้วที่สาม” บนเวทีภูมิรัฐศาสตร์โลกที่การแข่งขันรุนแรงขึ้น
นายอนุทิน กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยกำลังเดินบนถนนเส้นใหม่ ถูกขับเคลื่อนด้วย AI ที่เข้ามามีบทบาทในทุกภาคส่วน ทำให้การค้า การลงทุน และภาคธุรกิจต้องเร่งปรับตัวเร็วกว่าเดิม ขณะเดียวกันไทย ยังมีข้อจำกัดจากกฎระเบียบล้าสมัยและขีดความสามารถที่ไม่ทันต่อการแข่งขัน จึงจำเป็นต้องเดินหน้ากิโยตินกฎหมาย “Regulatory Guillotine” เพื่อขจัดอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ
นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า รัฐบาลนี้อยู่ในช่วงเวลาจำกัดเพียง 4 เดือน จึงต้องเลือกดำเนินการเฉพาะเรื่องที่สามารถทำได้ทันที เช่น การปรับแก้กฎหมาย โดยมีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ดูแลเส้นทางและไทม์ไลน์การดำเนินงาน และหากงานใดไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จภายในกรอบเวลากำหนด รัฐบาลชุดต่อไปก็สามารถสานงานต่อได้โดยไม่มีการสงวนสิทธิ์ใด ๆ
พร้อมยังยกตัวอย่างโครงการที่สานต่อจากรัฐบาลเดิม เช่น “คนละครึ่ง พลัส” พร้อมกล่าวเชิงขำขันว่า “ตั้งแต่เข้ามาการเมือง ทำอะไรโดนด่าหมด ยกเว้นคนละครึ่ง พลัสนี่แหละครับ เดินไปไหนมีแต่คนชมหมดครับ”
ในมิติการบริหารงาน นายอนุทิน มองว่า ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ประชาชนควรพิจารณาพรรคการเมืองที่มีศักยภาพในการสานต่อการบริหารประเทศและผลักดันนโยบายให้เกิดผลจริง โดยไม่ใช่เพียงพรรคที่มีนโยบายดี แต่ต้องสามารถทำงานต่อเนื่องได้จริง เพื่อให้ประเทศเดินหน้าท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ
ภายหลังกล่าวปาฐกถาพิเศษ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงแผนการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็น 8.5% ภายในปี 2571 และเป็น 10% ภายในปี 2573 ซึ่งเป็นแผนระยะยาวของกระทรวงการคลังว่า เป็นข้อเสนอเชิงกฎหมายที่ต้องดำเนินการเตรียมความพร้อมไว้ก่อน แต่ในทางปฏิบัติยังไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะจะยังไม่มีการปรับขึ้น VAT ในช่วงนี้
“ถ้าผมยังมีส่วนเกี่ยวข้องในการกำหนดทิศทางบริหารประเทศ VAT ไม่ได้ขึ้นหรอกครับ ยังอยู่ที่เดิม เพราะเราอยู่ในช่วงที่กำลังฟื้นฟู กำลังปรับสภาพประเทศให้มีศักยภาพในการดำรงอยู่ได้ในเวทีโลก” นายอนุทิน กล่าว
ภาพจาก : ประชาชาติธุรกิจ

