ยุคทองตลาด IPO อินเดีย

ช่วงระหว่างนักลงทุนต่างชาติ รับบทเป็น “ผู้ขายสุทธิหุ้นอินเดีย” แต่บริษัทข้ามชาติระดับโลกหลายแห่ง กำลังพยายามเพื่อนำหน่วยธุรกิจในประเทศเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นอินเดีย


ช่วงระหว่างนักลงทุนต่างชาติ รับบทเป็น “ผู้ขายสุทธิหุ้นอินเดีย” แต่บริษัทข้ามชาติระดับโลกหลายแห่ง กำลังพยายามเพื่อนำหน่วยธุรกิจในประเทศเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นอินเดีย ทำให้ตลาด IPO อินเดีย คึกคักสุดแห่งหนึ่งของโลก

ล่าสุดหน่วยธุรกิจบรรจุขวด Coca-Cola ในอินเดีย กำลังพิจารณาการเสนอขายหุ้นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐปีหน้า ขณะที่ CJ Darcl Logistics (แผนกอินเดีย) ในเกาหลีใต้ ได้ยื่นร่างเอกสารเพื่อเข้าจดทะเบียนแล้ว ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนประเมินว่า จะมีบริษัทระดับโลกอีกมากที่จะนำธุรกิจที่ดำเนินงานอินเดียเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์

โดย Akshay Gupta จาก Prime Securities ระบุว่า “ทุกวันนี้บริษัทข้ามชาติ กำลังดำเนินการทุกขั้นตอนเพื่อเพิ่มมูลค่า” พร้อมชี้ตัวอย่างของ Siemens บริษัทข้ามชาติสัญชาติเยอรมัน ที่แยกธุรกิจในอินเดียออกเป็น 2 ส่วน ด้วยการนำบริษัทด้านพลังงานเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ช่วงเดือนมี.ค. 68 ที่ผ่านมา

ในเชิงปัจจัยพื้นฐานแม้ Siemens Energy บริษัทแม่จะมีผลประกอบการโดดเด่นตั้งแต่ปีที่แล้ว และซื้อขายที่อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) สูงกว่า 60 เท่า แต่ Siemens Energy India กลับซื้อขายที่ P/E สูงถึง 117 เท่า

“บริษัทต่าง ๆ ในตลาดหุ้นอินเดีย มีแผนกตลาดทุนภายในฝ่ายการเงินเพื่อสร้างมูลค่า ธุรกิจทั่วโลกต้องการข้อได้เปรียบจาก Arbitrage หรือการทำกำไรจาก 2 ตลาดพร้อมกันโดยไร้ความเสี่ยง”

จากข้อมูลของ LG Electronics India (LSEG) ที่เพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินเดีย และมีมูลค่าตลาด 1.13 ล้านล้านรูปี (ประมาณ 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อเทียบกับ LG Electronics บริษัทแม่ในเกาหลีใต้ ที่มีมูลค่าตลาด 14.89 ล้านล้านวอนเกาหลี (หรือเทียบเท่า 1.01 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)

โดย LG Electronics ถือหุ้น 85% ในธุรกิจอินเดีย หลังเสนอขาย IPO แม้จะมีกำไรสุทธิประมาณ 1 ใน 10 ของบริษัทแม่ แต่ธุรกิจในอินเดีย กลับมีอัตราส่วน P/E ล่วงหน้าที่ 58 เท่าสูงมาก เมื่อเทียบกับ 9 เท่าของ LG Electronics ในเกาหลีใต้

ขณะที่ Hari Shyamsunder รองประธานและผู้จัดการกองทุนพอร์ตนักลงทุนสถาบันอาวุโส (ฝ่ายตลาดหุ้นอินเดีย) ของ Templeton Global Investments ระบุว่า แม้ตลาดหุ้นอินเดียจะมีมูลค่าสูงกว่าตลาดหลักทั่วโลกของบริษัทแม่มาหลายปีแล้ว สอดคล้องกับภาคผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรม

แต่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ “ตลาดทุนอินเดียเติบโตเต็มที่มากขึ้น”

ความนิยมของแผนการลงทุนอย่างเป็นระบบ (Systematic Investment Plans: SIPs) ที่เกี่ยวกับการลงทุนด้วยจำนวนเงินคงที่เป็นระยะ และจำนวนนักลงทุนรายย่อยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สร้างสภาพคล่องภายในอินเดียสูงมาก

จากความต้องการสูง มาพร้อมกับฐานสภาพคล่องที่แข็งแกร่งของอินเดีย ได้รับแรงดันจากการเติบโตของกองทุนรวม ที่ทุ่มเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดหุ้นหลายแห่ง ส่งผลให้บริษัทข้ามชาติหลายแห่งขายหุ้นได้ราคาพรีเมียม หรือได้มูลค่าสูงกว่าตลาดอื่น ๆ ทั่วโลก..!!

Back to top button