“หุ้นเอเชีย” เปิดบวก! รับแรงซื้อ “กลุ่มเทค” หวังเฟดลดดอกเบี้ย ธ.ค.นี้

“ตลาดหุ้นเอเชีย” เปิดบวกวันนี้ หลังได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่า “เฟด” จะลดดอกเบี้ย ธ.ค.นี้


ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดการซื้อขายในแดนบวกวันนี้ (27 พฤศจิกายน) สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้

โดยดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ 49,868.79 จุด เพิ่มขึ้น 309.72 จุด หรือร้อยละ 0.62 ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงเปิดที่ 25,945.54 จุด เพิ่มขึ้น 17.46 จุด หรือร้อยละ 0.07 ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตของจีนเปิดที่ 3,867.20 จุด บวก 3.02 จุด หรือร้อยละ 0.08 พร้อมกันนี้ ดัชนีคอสปีของเกาหลีใต้ปรับขึ้นร้อยละ 1.05 และดัชนีเอสแอนด์พี/เอเอสเอ็กซ์ 200 ของออสเตรเลียเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.42

ทั้งนี้ แรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในภูมิภาคปรับตัวดีขึ้นตามทิศทางเดียวกับตลาดสหรัฐอเมริกา โดยหุ้น Advantest เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 หุ้น SoftBank ปรับตัวขึ้นกว่าร้อยละ 5 และหุ้น Tokyo Electron ขยับขึ้นร้อยละ 2.09

โดยความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25 จุด ในการประชุมเดือนธันวาคม โดยข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของซีเอ็มอี กรุ๊ประบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนักสูงถึงร้อยละ 85 ต่อความเป็นไปได้ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม กระแสคาดหวังการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้แรงเสริม หลังมีรายงานจากสื่อต่างประเทศว่า นายเควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว และที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นตัวเต็งในการรับตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ แทน นายเจอโรม พาวเวล ซึ่งจะครบวาระในเดือนพฤษภาคมปีหน้า โดยก่อนหน้านี้ นายแฮสเซตต์เคยระบุว่า หากได้รับการเสนอชื่อ เขาพร้อมผลักดันการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ

ส่วนของภูมิภาค ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.50 ต่อเนื่องเป็นครั้งที่สี่ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงิน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ รวมถึงภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และความผันผวนของค่าเงิน

ทั้งนี้ นักลงทุนยังติดตามการเปิดเผยตัวเลขกำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนในช่วงเช้าวันนี้ เพื่อนำมาประเมินทิศทางและความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจภายในประเทศ

Back to top button