CGSI วางเป้า SET ปีหน้าทดสอบ 1,400 จุด แนะลงทุน 9 หุ้น Defensive-รับดอกเบี้ยขาลง

CGSI ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 69 มีโอกาสทดสอบ 1,400 จุด หรืออัพไซด์ราว 10% หากการเมืองคลี่คลาย และไม่มีปัจจัยลบกดดัน พร้อมชูหุ้น Defensive และกลุ่มอิงดอกเบี้ยขาลงเป็นหุ้นเด่น ได้แก่ ADVANC, BCPG, BDMS, CPN, MINT, MTC, PR9, SCB และ TRUE


นายพัชระนนท์ ชีวเกรียงไกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดทุนไทยในปี 2568 เผชิญแรงกดดันจากปัจจัยลบหลายด้านต่อเนื่อง ตั้งแต่ภัยพิบัติ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง รวมถึงประเด็นความเชื่อมั่นของนักลงทุน ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายหุ้นไทยในช่วง 10 เดือนแรกของปีลดลงจากปีก่อนถึง 36%  ซึ่งถือว่าหดตัวมากเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยสิงคโปร์ยังขยายตัวร้อยละ 1 มาเลเซียยังคงเป็นบวกสุทธิ ขณะที่อินโดนีเซียเติบโตสูงถึง 41% โดยการชะลอตัวของปริมาณซื้อขายไม่ได้เกิดขึ้นเพียงปีเดียว แต่เป็นแนวโน้มต่อเนื่องตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ทั้งในแง่สภาพคล่องและผลตอบแทนตลาดทุน

สำหรับสถานการณ์ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี มองว่าผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในระยะสั้นอาจจำกัด เนื่องจากอยู่ในช่วงปลายปีซึ่งปกติแล้วปริมาณการซื้อขายจะเบาบางอยู่แล้ว โดยสถิติระบุว่าในไตรมาส 4 ปริมาณการซื้อขายลดลงต่อเนื่อง โดยเดือนพฤศจิกายนต่ำกว่าเดือนตุลาคมราวร้อยละ 19 และเดือนธันวาคมถือเป็นช่วงที่เบาบางที่สุดของปี

ขณะที่แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปี 2569 อยู่ในภาวะที่ท้าทายอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากความไม่ชัดเจนทางการเมือง ซึ่งตามกรอบเวลาโดยทั่วไป หากมีการยุบสภาในช่วงต้นปีและจัดการเลือกตั้งใหม่ อาจต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือนกว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่งผลให้ครึ่งปีแรกของปีถัดไปอาจเกิดภาวะสุญญากาศทางนโยบายและชะลอการตัดสินใจลงทุนในระบบเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันสภาพตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยังทำให้ศักยภาพและกระสุนของนักลงทุนลดลงตามไปด้วย ส่งผลให้ภาพรวมตลาดในช่วงครึ่งปีแรกยังคงมีแรงกดดันอยู่สูง

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะPrivate Fund ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนสะสมกว่า 130% และมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นจาก 500 ล้านบาท เป็น2,000 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ต่างประเทศในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะผันผวน

ขณะเดียวกัน นโยบายการเงินจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวของตลาดทุน โดยคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจปรับลดลง 0.25% ในการประชุมของกนง. เดือนธันวาคมนี้ ขณะที่ปี 69 คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลง 0.50% เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อตลาดทุนมากกว่าปัจจัยภายนอกระยะสั้น

ด้าน นายเกษม พันธ์รัตนมาลา ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ CGSI เปิดเผยว่า ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 2569 อาจปรับขึ้นสู่ระดับประมาณ 1,400 จุด หรือมีอัพไซด์ราว 10% จากระดับปัจจุบัน โดยประเมินที่ระดับค่า Price to Earnings Ratio (P/E) ประมาณ 15 เท่า ซึ่งดูใกล้เคียงกับตลาดหุ้นในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม หากตัดหุ้นขนาดใหญ่บางตัวที่มีค่า P/E สูงมากออกไปค่า P/E ของตลาดไทยจะลดลงมาอยู่ต่ำกว่า 13 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติยังขายหุ้นไทยสะสมต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมารวมมูลค่ากว่า 4.5 แสนล้านบาท ทำให้สัดส่วนการถือครองของนักลงทุนต่างชาติปรับลดลงมาอยู่ในระดับต่ำ

โดยปัจจัยชี้ทิศทางตลาดในปี 2569 จะอยู่ที่ความชัดเจนทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง โดยหากรัฐบาลใหม่สามารถจัดตั้งได้อย่างราบรื่น และมีนโยบายที่นักลงทุนเชื่อมั่นว่าจะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้จริง ก็อาจเกิดแรงหนุนเชิงบวกต่อบรรยากาศการลงทุนได้ อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจปี 2569 ยังถูกประเมินว่าจะขยายตัวในอัตราที่ช้ากว่าปี 2568 ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยให้ต้องเผชิญความผันผวนต่อไปในระยะข้างหน้า

ด้าน นายกรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ (ลูกค้ารายย่อย) ของ CGSI เปิดเผยว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2569 ยังคงเผชิญความท้าทาย โดยประเมินว่าการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) มีแนวโน้มเติบโตในระดับต่ำที่ประมาณ 1.9% เนื่องจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็นการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งทำให้นักลงทุนชะลอการตัดสินใจลงทุน ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาพรวมยังฟื้นตัวได้อย่างจำกัด ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 0.2%

ส่วนทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย มองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าการประชุมครั้งสุดท้ายในช่วงสัปดาห์ถัดไปจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง โดยแรงกดดันสำคัญมาจากสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ซึ่งกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน หากเศรษฐกิจในปีหน้ายังไม่ฟื้นตัวชัดเจน ก็มีโอกาสที่จะเห็นการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในสิ้นปี 2569 อาจลงมาอยู่ที่ระดับ 0.75%

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในปี 2569 ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะยังคงเหน็ดเหนื่อย โดยในช่วงครึ่งปีแรกควรเน้นการลงทุนในกลุ่มหุ้นเชิงป้องกันความเสี่ยง (Defensive Sector) เนื่องจากยังต้องรอความชัดเจนทางการเมืองและนโยบายเศรษฐกิจ อาทิ กลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม, กลุ่มโรงพยาบาลซึ่งยังคงได้แรงหนุนจากผู้ป่วยต่างชาติรวมถึงกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เช่น กลุ่มสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค ได้แก่ADVANC, BCPG, BDMS, CPN, MINT, MTC, PR9, SCB, และ TRUE

Back to top button